RUSH นิตยสาร ปลุกใจเสือป่า หนังสือ เปลือย โป๊

หนังสือโป๊ ย้อนยุค! ปลุกพลังช้างสาร รับประกันความเสียวซ่านทุกตัวอักษร

Home / Editor Picks / หนังสือโป๊ ย้อนยุค! ปลุกพลังช้างสาร รับประกันความเสียวซ่านทุกตัวอักษร

หนังสือโป๊ย้อนยุค ปลุกพลังช้างสาร

รับประกันความเสียวซ่านทุกตัวอักษร

เนื่องในวันช้างไทย จะไม่พูดถึงช้างเลยก็คงจะไม่ได้ หากแต่ถ้าพูดถึงช้างในแบบฉบับทั่วไป ก็คงจะซ้ำกับหลายบทความในวันนี้ เพราะฉะนั้น BOOK.MTHAI ขอเสนอ “ปลุกพลังช้างสาร ด้วย หนังสือโป๊ ยุคเก่า รับประกันความเสียวซ่านทุกตัวอักษร”

 

หนังสือโป๊

ว่านพลังช้างสาร นับเป็นพืชสมุนไพรไทยที่นิยมใช้เป็นส่วนผสมในการดองยาบำรุงร่างกายและเสริมสมรรถภาพทางเพศ ซึ่งว่านชนิดนี้จะขึ้นเฉพาะจุดที่มีความชื้นเหมาะสมและระบบนิเวศน์สมบูรณ์เท่านั้น จึงทำให้หายากมากในปัจจุบัน

ไม่ต้องตั้งหม้อเตรียมเตาต้มสมุนไพรอะไรให้ยุ่งยาก! ลืมว่านพลังช้างสารที่ว่าไปเมื่อกี้ได้เลย!! (แล้วจะพูดถึงทำไมไม่ทราบ) เพราะในยุคที่อินเตอร์เน็ตยังไม่เกิด เหล่าชายไทยเตลิดไปกับ

หนังสือโป๊ เหล่านี้!!!!

หนังสือโป๊พระตำหรับโยนี (2450)

“พระตำหรับโยนี” หนังสือโป๊ ปลุกใจเสือป่าเล่มแรก ๆ ของไทยที่พิมพ์ขึ้นใน ร.ศ. 126 (พ.ศ.2450) นับเป็นหนังสือโป๊ที่เก่าแก่ที่สุดเท่าที่จะหาพบได้ เพราะตีพิมพ์เพียง 200 ฉบับเท่านั้นและยังจัดอยู่ในประเภท หนังสือหายากประเภทที่ไม่ค่อยมีใครสะสมอีกด้วย

หนังสือโป๊

 

 

 พระตำหรับโยนี หนังสือโป๊ สำหรับชนชั้นสูง ซึ่งเนื้อหาในเล่มจะเน้นหนักไปทาง ตำราทางเพศ มากกว่า วรรณกรรมเรื่องสยิว

กล่อมครรภ์ (2460)

กล่อมครรภ์ บทร้อยแก้วที่สันนิษฐานว่าแปลมาจากบทประพันธ์ต่างประเทศ (แต่ไม่แน่ชัด) เนื่องจากมีจังหวะจะโคนและใช้ศัพท์เรียกอวัยวะอย่างโจ่งแจ้ง จึงถือเป็น หนังสือโป๊-อิโรติก ยุคบุกเบิกของประเทศไทย ที่ เขียนโดย “ครูเหลี่ยม วินทุพราหมณกุล” หรือ “หลวงวิลาศปริวัตร” ผู้บุกเบิกงานเขียนหลากหลายแนว รวมถึงนวนิยายเรื่องแรกของไทย “ความไม่พยาบาท” (2548) อีกด้วย ผลงานของครูเหลี่ยมเป็นที่ฮือฮาในกลุ่มนักวิจารณ์อย่างมาก จนถึงขนาดตั้งโต๊ธถกประเด็นเรื่อง “เซ็กส์” ในหนังสือของท่านในแง่จิตวิทยากันเลยทีเดียว

“กล่อมครรภ์” เรื่องราวของหญิงตั้งครรภ์ที่ต้องการทำแท้ง เพราะ “สังคมวิกตอเรียน” ไม่ยอมรับเรื่องท้องไม่มีพ่อ เธอจึงไปหานายแพทย์คนหนึ่งเพื่อยุติการตั้งครรภ์ แต่นายแพทย์รู้สึกผิดและเสียดายความสวย จึงหลอกล่อให้เธอมีอะไรด้วยและอ้างว่านั่นคือวิธีการทำแท้ง วันหนึ่งขณะมีอะไร แคร่ในโรงนาเกิดหัก หญิงสาวตกลงมาแท้งพอดี

งานเขียนแนวอิโรติกเล่มอื่น ๆ ที่ดังในช่วงนั้น ได้แก่ พนันชม, พรหมจารี, ดุรณีประวัติ ซึ่งในปัจจุบันถือว่าเป็น “หนังสือหายากที่ไม่เคยเห็นตัว

หนังสือโป๊


ปี พ.ศ. 2460 ถือเป็น “ ยุคทองของหนังสือโป๊ ” เพราะมีการก่อตั้งโรงพิมพ์และตีพิมพ์หนังสือประเภทนี้จำนวนมาก


วัฒนธรรมภาพโป๊” (ปลาย 2460)

“หนังสือโป๊ฉบับมีภาพ” เริ่มแพร่หลายหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยทหารอาสาที่กลับจากการรบมาพร้อมกับ โปสการ์ดฝรั่งเศส หรือโปสการ์ดรูปผู้หญิงเปลือยในท่าทางต่าง ๆ ภายหลังมีการนำภาพเหล่านี้เข้าไปรวมกับเรื่องเล่าสยิว อันเป็นต้นตำรับ “หนังสือโป๊รุ่นมีภาพอย่างแท้จริง

หนังสือโป๊

ไม่เพียงแต่แก้ความกำหนัดได้เท่านั้นนะ เพราะ “หนังสือโป๊” ยังเก็บบันทึกเรื่องราวของสังคมในยุคนั้น ๆ เอาไว้ เช่น ปี พ.ศ. 2509 ไทยเป็นเจ้าภาพเอเชี่ยนเกมส์ครั้งแรก หรือ เหตุการณ์น้ำประปาขาดแคลนทั่วกรุงเทพฯ ก็ถูกบันทึกเอาไว้ในหนังสือเหล่านี้อีกด้วย

สถานการณ์สื่อลามกเริ่มเลยเถิด เมื่อ พ่อแม้ผู้ปกครองร้องเรียนไปยังหน่วยงานรัฐฯ เนื่องจากผู้ขายสื่อลามกบางคนประกอบอาชีพค้าขายเครื่องเขียนและอุปกรณ์ต่าง ๆ ของนักเรียน ซึ่งนั่นสร้างความวิตกให้กับคนในประเทศอย่างมาก จนในปี พ.ศ.  2470 รัฐบาลเล็งเห็นถึงปัญหาที่มาจากสื่อลามกเหล่านี้ กลัวว่าประชาชนจะถูกมอมเมา จึงมีการประกาศกฎหมายปราบปรามวัตถุลามกอนาจาร ขึ้น ในปี พ.ศ. 2471

หนังสือโป๊

ปี 2470 รัฐบาลเริ่มวิตกว่าหนังสือเหล่านี้จะมอมเมาคนในประเทศ จึงมีการประกาศกฎหมายปราบปรามวัตถุลามกอนาจาร ขึ้น ในปี พ.ศ. 2471


ปี พ.ศ. 2480 ธุรกิจหนังสือสยิวค่อนข้างเงียบเหงา อันเป็นผลกระทบจากการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2


“หนังสือโป๊” กลับมานิยมอีกครั้ง หลังจากที่ซบเซาไปช่วงหนึ่ง อันเนื่องมาจากผลกระทบจากสงครามโลกครั้งที่ 2  กลับมาคราวนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน เพราะมีการแบ่งชนชั้นของหนังสือ ออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1.บนดิน (มีเนื้อหาที่ต้องเซ็นเซอร์) 2.กึ่ง ๆ (บางทีก็ปล่อย บางทีก็ควบคุมสำนวนและภาพ) 3.ใต้ดิน (โจ้งแจ่ง โป๊เปลือย อย่างถึงที่สุด)

หนังสือปกขาว (2490)

ต้นตำรับหนังสือปลุกใจเสือป่าของไทยขนานแท้ นิยมอย่างมากในช่วงปี พ.ศ. 2490 – 2500 หรือ หลังจากสิ้นสุดสงครามโลก ครั้งที่ 2  พิมพ์จำหน่ายอย่างแพร่หลายในยุค 90 และพบเจอได้ทั่วไปแถวท้องสนามหลวง หรือยุคบุกเบิก ตลาดนัดสนามหลวง”  ซึ่งถ้าตัดทอนด้านลามกทิ้งเสีย หนังสือปกขาว ถือเป็นศิลปะแขนงหนึ่งที่อยู่คู่ปุถุชนมาตั้งแต่อดีตกาลจวบจนปัจจุบัน

หนังสือโป๊

 

ยุคแรก ของหนังสือปกขาวนั้น หน้าปกมักจะเป็นรูปสตรีเปลือยกายสี ขาว-ดำ หรือ สีแม่สี บนกระดาษปกสีขาวล้วน จึงถูกเรียกตามรูปลักษณ์ว่า  “ปกขาว”  ในยุคแรกจะไม่มี  “คำนำ” หรือถ้ามี ก็มักเป็นคำทักทายสั้น ๆ จากผู้เขียนเท่านั้น มีขนาดเล่มเท่าฝ่ามือ หนา 112 หน้า สอดแทรกภาพโป๊เปลือย 4 – 8 ภาพ อยู่ระหว่างกลางเล่ม   ส่วนยุคถัดมา  ขนาดเล่มเริ่มใหญ่ขึ้นประมาณพ็อตเก็ตบุ๊คส์ เพิ่มความสวิงสวายด้วยการใส่สีสัน จากจืดชืดเป็นเจนจัด มีชีวิตชีวาและเสมือนจริงมากขึ้น ในด้านเนื้อหา มีการใส่เรื่องสั้น, นวนิยาย, และประสบการณ์ทางเพศจากผู้อ่านทางบ้าน เพิ่มเติมลงไปจากที่เป็น “รูปภาพ” เฉย ๆ หนังสือที่รู้จักกันดี ได้แก่ “นวลนาง”, “เพ็ญพักตร์”, “ไทยเพลย์บอย”, “เปิดบริสุทธิ์” ,นิตยสารสำหรับเกย์อย่าง “นีออน” และหนังสือเจาะตลาดล่างอย่าง “เฟี้ยว” และ “ระทึก”

 

หนังสือโป๊

นวลนาง ถือเป็นหนังสือระดับกลางเล่มแรกที่สร้างความสยิวแก่คนไทยจนไต่ขึ้นนิตยสารขายดีที่มียอดขายสูงสุดได้ อันเนื่องมาจากภาพสยิวกำลังดี เรื่องราวกำลังโดน กลมกล่อมตรงกับความต้องการของผู้อ่านกว่าเล่มไหน ๆ

ในยุคปัจจุบันที่ดิจิตอลและเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทกับชีวิตมนุษย์มากขึ้น ทำให้ หนังสือและนิตยสารหลายสำนักปิดตัวลงไปอย่างน่าใจหาย อันเนื่องมาจากไลฟ์สไตล์ของผู้รับสารที่เปลี่ยนไป จากที่เคยอ่านมากก็อ่านน้อยลงมาก รวมไปถึงการกวาดล้าง “สื่อลามก” ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้มงวดมากขึ้น ทั้งนี้ก็เพื่อสร้างสังคมที่เป็นระเบียบและไม่มัวเมานั่นเอง

แต่นิตยสารปลุกใจอย่างรับผิดชอบสังคมก็ยังมีอยู่ให้เห็นนะ! กับ นิตยสาร RUSH  MAGAZING  นิตยสารน้ำดีที่ไม่ถึงกับแหกให้เห็นจนถึงไส้ เพราะเต็มไปด้วยความน่าค้นหา สะกดสายตาทุกกระบวนท่า เป็นการผลสผสานระหว่าง “ศิลปะ” และ “ความเซ็กซี่” ได้อย่างลงตัว  เอาเป็นว่า อย่าพูดพร่ำทำเพลงอะไรให้มากความ เพราะมีทั้งแบบ E-BOOK อ่านง่ายแค่สไลด์นิ้ว และ แบบรูปเล่มภาพชัดยันรูขุมขน ที่สำคัญ! ไม่ต้องไปตามหาถึงสนามหลวงแล้วนะ เพราะหาซื้อง่ายมาก! ที่ MBOOKSTORE

หนังสือโป๊

รวบรวมสาระน่ารู้ ทั้งข่าวสารวงการหนังสือ อีเว้นท์หนัง, หนังสือใหม่, หนังสือแนะนำ รีวิวหนังสือ และ อื่น ๆ อีกมากมาย มีให้อ่านกันฟรี ๆ ที่นี่ BOOK.MTHAI