Milk and Honey ปานหยาดน้ำผึ้ง วรรณกรรมคลาสสิค หนังสือ หนังสือใหม่ เฟมินิสต์

เฟมินิสต์ กับหนังสือวรรณกรรมคลาสสิค ที่จะทำให้เข้าใจ เฟมินิสต์ มากขึ้น

Home / สารพันหนังสือ / เฟมินิสต์ กับหนังสือวรรณกรรมคลาสสิค ที่จะทำให้เข้าใจ เฟมินิสต์ มากขึ้น


เฟมินิสต์

เฟมินิสต์

เฟมินิสต์ กับหนังสือวรรณกรรมคลาสสิค

ที่จะทำให้เข้าใจ เฟมินิสต์ มากขึ้น

หลังจากที่ Emma Watson ประกาศกร้าวอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “ ฉันคือ Feminist ” ในโครงการ #HeForShe เมื่อได้รับแต่งตั้งให้เป็น UN Woman Goodwill Ambassador ณ สำนักงานสหประชาชาติ (ปี 2557) นับเป็นอีกปรากฎการณ์สำคัญที่ทำให้คนทั่วโลกจับตามอง “พลังหญิง” นี้อย่างน่าสนใจ

เฟมินิสต์

เฟมินิสต์ (Feminism) หรือแนวคิดพลังหญิงนี้ถูกเข้าใจในทิศทางลบตลอดมา หลายคนมองว่ามันคือลัทธิของผู้หญิงที่แสดงออกแบบแข็งกระด้าง ก้าวร้าว แปลกแยก และต่อต้านบทบาทที่สังคมกำหนด มันคือลัทธิที่สร้างขึ้นมาเพื่อตั้งแง่กับผู้ชายชัด ๆ! คนไทยเราอาจยังไม่ได้อินกับ “สตรีนิยม” นี้เสียเท่าไหร่ และหลายคนคงตกใจ ว่าทำไมกับอีแค่การแค่ประกาศตัวเป็น เฟมินิสต์ (Feminism) ของ Emma Watson ถึงกับทำให้เธอถูกขู่ปล่อยภาพนู้ด โดนกระหน่ำด่าทอ รวมไปถึงเกลียดชังและตั้งแง่

เฟมินิสต์

ว่ากันว่าแนวคิดพลังหญิง หรือ เฟมินิสต์ (Feminism)  มีมาตั้งแต่ช่วยปลายศตวรรษที่ 19 ในแถบตะวันตก เป็นแนวคิดที่ว่าเพศหญิงควรได้รับสิทธิและความเท่าเทียมกับเพศชาย จึงก่อให้เกิดความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ทางสังคมเพื่อเรียกร้องสิทธิดังกล่าว ทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และ สังคม โดยแบ่งออกเป็น 4 ยุคสมัยหลักที่มีลักษณะเด่นชัด ได้แก่

FIRST-WAVE Feminism

เฟมินิสต์

 

ในช่วง FIRST-WAVE Feminism นั้นเป็นช่วงที่ผู้หญิงต้องการหลุดพ้นจากการควบคุมของผู้ชายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็น พ่อ พี่ชาย น้องชาย หรือ สามี ที่ขีดกรอบเกณฑ์ว่าผู้หญิงจะต้องอยู่บ้าน ทำหน้าที่แม่บ้าน เป็น ลูกสาว พี่สาว หรือ น้องสาว และภรรยาที่ดี จนทำให้เกิดการลิดรอนสิทธิ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การศึกษา, การเลือกตั้ง, สิทธิ์ที่เกี่ยวข้องกับการแต่งงานและหย่าร้าง รวมถึงการทำสงคราม

เฟมินิสต์

SECOND-WAVE Feminism (1960S)

เรียกได้ว่าเป็นด้านมืดของ Feminism เพราะเป็นการขยายกรอบเรียกร้องสิทธิ์ที่รุนแรงขึ้น จาก WAVE แรกที่ว่าด้วยเรื่องบทบาททางเพศสู่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับเพศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการข่มขืน การล่วงละเมิดทางเพศ สิทธิเสรีภาพที่เกี่ยวข้องกับการแต่งงานและหย่าร้างที่รุนแรงขึ้น ค่าจ้างแรงงานที่ต้องเท่าเทียม และอื่น ๆ ยิบย่อย ซึ่งการเคลื่อนไหวส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่การแก้ปัญหาส่วนตัว ไม่ได้มุ่งเน้นไปที่สตรีโดยรวม ไม่ว่าจะเป็น สตรีชนชั้นล่าง สตรีต่างเชื้อชาติ หรือสตรีโสด

 

เฟมินิสต์
การเกิด BACKLASH หรือกลุ่มคนที่ต่อต้าน เฟมินิสต์ (Feminism) ที่มองแนวคิดพลังหญิงในทิศทางลบ

 

นอกจากนั้นยังมีลัทธิแยกย่อยจาก Feminism ที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น ทั้ง ลัทธิต่อต้านผู้ชายหรือเกลียดผู้ชายจนทำตนเองให้ทำทุกอย่างเหมือนผู้ชายได้ ด้วยแนวคิด “ผู้หญิงสามารถทำทุกอย่างได้เท่าเทียมผู้ชาย” กลุ่มลัทธินี้จะไม่ค่อยทำตัวเองให้สวยเท่าไหร่ ไม่แต่งหน้า ไม่ใส่ส้นสูง หรือแต่งกายเปิดเผยสรีระ เพราะคิดว่ามันคือความต้องการของผู้ชาย อีกทั้งยังหัวรุนแรง แข็งกระด้าง ซึ่งลัทธิแยกย่อยที่ว่านี้นำไปสู่การเกิด BACKLASH หรือกลุ่มคนที่ต่อต้าน เฟมินิสต์ (Feminism) คือคนที่ไม่ชอบ Feminism ทั้งหมด (ไม่ได้แยกแค่ลัทธินี้) ทำให้ในช่วงนั้น “แนวคิดพลังหญิง” มีความหมายที่แย่และภาพรวมติดลบรุนแรงขึ้น

 

THIRD-WAVE Feminism (1990S)

เฟมินิสต์

THIRD-WAVE ก่อกำเนิดขึ้นในปี 1990 หลังจากสิ้นสุด SECOND-WAVE  เป็นกลุ่มที่ออกมาต่อต้านแนวคิดของ SECOND-WAVE ซึ่งการเคลื่อนไหวของ THIRD-WAVE  นั้นจะมีจุดเด่น คือ การใช้ความสวยให้เป็นอำนาจ จากเดิมที่ SECOND-WAVE  ไม่สะดวกจะสวย  เพราะฉะนั้นจะเห็นว่ากลุ่ม เฟมินิสต์ (Feminism) ยุคใหม่มักรักสวยรักงาม ทั้งการแต่งองค์ทรงเครื่องให้สวย ภูมิใจในรูปร่างของตน และอวดสรีระความเป็นหญิง
แต่ที่ยังคงไว้เหมือนกับ FIRST-WAVE และ SECOND-WAVE คือแนวคิดการเรียกร้องสิทธิต่าง ๆ ที่เริ่มไว้ เช่น สิทธิ์ทางการเมือง, สิทธิ์ในการทำงานและได้รับค่าจ้างที่ยุติธรรม, สิทธิในการเป็นเจ้าของทรัพย์สินและอสังหาริมทรัพย์, สิทธิ์ในการสมรสและการลาคลอด, การทำแท้งตามกฎหมาย รวมถึงการรวมตัวทางสังคมและการปกป้องผู้หญิงและเด็กหญิงจากการข่มขืน ล่วงละเมิดทางเพศ ความรุนแรงในครอบครัว และอื่น ๆ
THIRD-WAVE Feminism ถูกเรียกว่า “Lipstick Feminism” คือแนวคิดสตรีนิยมที่ต่อสู่เพื่อความเท่าเทียมและสิทธิ์ต่าง ๆ ที่พึ่งได้ แต่ก็ไม่หยุดที่จะสวย

Post-feminism

เฟมินิสต์
ภาพยนตร์ Sex and the City เป็นเหมือนภาพสะท้อนความเป็น Post-feminism หรือแนวคิดพลังหญิงในยุคปัจจุบันได้อย่างชัดเจน
Post-feminism  ปรากฏขึ้นครั้งแรกในบทความ “Voices From the Post-Feminism Generation” ของ New York Times (1982) เป็นบทความเกี่ยวกับ “ความคิดเห็นด้านลบของผู้หญิงยุคใหม่ (หรือยุคนั้น) ที่มีต่อ เฟมินิสต์ (Feminism) ซึ่ง Post-feminism จะหมายถึงการสิ้นสุดของการประท้วงรุนแรงของพลังหญิง เมื่อได้อยู่ในสังคมที่ไม่ปิดกั้นอีกต่อไป เช่น การมีโอกาสได้ศึกษา ทำงานด้วยความรู้ที่มี ได้รับเงินค่าจ้างอย่างเท่าเทียม หรือเรียกว่าได้อยู่ในสังคมเฉกเช่นมนุษย์อย่างเต็มตัว

เฟมินิสต์

Emma Watson ถือเป็น Post-feminism ที่ออกมาเรียกร้องสิทธิ์สตรีด้วยลังหญิงทั้งหมดที่เธอมี ซึ่งการเป็น Feminism ในยุคปัจจุบันไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องเกลียดชังผู้ชายหรือไม่ต้องการผู้ชายอีกแล้ว ในทางกลับกันคือผู้หญิงในแบบฉบับ Feminism จะเป็นผู้หญิงที่ภูมิใจในความเป้นผู้หญิงของตัวเองมากในทุกบทบาทที่ตนเองได้รับ ทั้งบทบาทภรรยา บทบาทแม่ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงความรวย สวย เก่ง แกร่ง เอาไว้ได้อย่างครบเครื่อง

เฟมินิสต์

นอกจาก Emma Watson แล้วในวงการวรรณกรรมก็มีงานเขียนหลายเล่มที่แฝงมุมมองของ เฟมินิสต์ (Feminism) ได้อย่างแนบเนียน เจ็บแสบ และคมคาย หลายเล่มที่เดียวที่ทำให้เราเห็นสาเหตุที่สตรียุคก่อนนั้นระดมพลังหญิงเพื่อทวงคืนสิทธิ์ที่ถูกลิดรอนของพวกเธอกลับคืน

Rupi Kaur กับ Milk and Honey

เฟมินิสต์

Milk and Honey หนังสือเล่มโปรดของ Emma Watson จากฝีมือการเขียนของ Rupi Kaur นักเขียนวัย 26 ปีที่สร้างคลื่นพลังหญิงตั้งแต่เปิดตัวในปี 2014 บทร้อยแก้วที่สวยงามแต่สร้างพลังมหาศาลเมื่อคนได้อ่าน แม้ข้อความบางตอนจะไม่สุภาพนัก ไม่นุ่มนวล อ่อนหวาน หรืออาจไม่ตรงใจผู้อ่านบางคนสักเท่าไหร่ แต่ก็นับได้ว่าเป็นหนังสือเล่มสำคัญที่ตอกย้ำความเป็น Feminism ได้อย่างชัดเจน
ร้อยแก้วเล่มนี้มันช่างแตกต่างจากเล่มอื่น ๆ ที่ฉันต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์เพื่อคลี่คลาย เพราะร้อยแก้วของ Rupi Kaur ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อปิดบังความหมายหรือสร้างความคลุมเครือมากจนเกินไป ฉันไม่ชอบเท่าไหร่ที่จะพูดว่า Rupi Kaur ได้สร้างบทกวีที่ “เข้าถึงได้” เพราะมันเป็นความจริง (บทกวีของ Rupi Kaur กับภาพประกอบจาก Illustration ที่พอดีกรอบสี่เหลี่ยมของ Instagram) Rupi Kaur กล้าหาญมากที่เลือกหัวข้อเหล่านั้นมาตีแผ่ เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่เข้าถึงได้ง่าย ๆ เลยจริง ๆ
  Emma Watson (JULY 18)
Milk and Honey ประกอบไปด้วย 4 บทสำคัญได้แก่ ความรัก, การสูญเสีย, ความรุนแรง-ล่วงละเมิด และพลังหญิง ด้วยภาษาดิบ ๆ ของ Rupi ที่สะกิดอารมณ์คนอ่านได้ไม่ยาก กับภาพวาดลายเส้นง่าย ๆ แต่ความหมายทรงพลัง ความแข็งแกร่งที่ขมวดตัวอยู่ในความยืดหยุ่นของผู้หญิงเหล่านี้เองที่ทำให้เธอยังสร้างสีสันได้แม้ได้รับผลกระทบในชีวิตอย่างหนักหน่วง

เฟมินิสต์

หลายบทกวีถูกเขียนขึ้นมาจากมุมมองของผู้หญิงที่ถูกทารุณกรรมทางเพศ เจาะลึกความเจ็บปวดรวดร้าว พรรณนาถึงความเปลี่ยนแปลงหลังสิ่งสวยงามได้จากไปอย่างสมบูรณ์ ความสัมพันธ์อันเลวร้ายกับผู้ชายคนสำคัญ ที่สร้างความเสียใจเศร้าสลด นำสู่ความแข็งแกร่งที่คนอ่านสามารถซึมซับได้จวบจนหน้าสุดท้าย อาจกล่าวได้ว่า Milk and Honey คือแรงบันดาลใจก้อนใหญ่ที่สะท้อนผ่านมุมมองของผู้หญิงผ่านประสบการณ์ร้าย ๆ อย่างการถูกกดขี่ โดนล่วงละเมิดทางเพศ ด้วยการเผชิญหน้ากับปัญหา ค่อย ๆ เติบโต จนกระทั่งยอมรับมันได้ในที่สุด

Margaret Atwood กับ The Handmaid’s Tale และ Alias Grace

เฟมินิสต์

นอกจากนิทานของสองพี่น้องกริมม์ และนิทานของ แอนดรูว์ ลัง ที่มีตัวละครเอกหญิงกล้าหาญ บ้าบิ่น และฉีกกรอบเกณฑ์ความเป็นผู้หญิงที่สังคมกำหนด Margaret Atwood น่าจะเป็นนักเขียนชั้นครูคนสำคัญที่ฉีกกรอบเกณฑ์ผู้หญิงยุคเก่าจนแหลกละเอียด
ผู้หญิงในแบบฉบับวรรณกรรมของ Margaret Atwood อาจไม่ใช่ผู้หญิงที่อยู่ในกรอบ แต่กลับมีความฉลาด ใช้สติปัญญา กล้าหาญ และแข็งแกร่ง นี่คือการใช้พลังหญิง หรือ เฟมินิสต์ (Feminism) ที่แสดงให้เห็นผ่านวรรณกรรมชั้นครูอีกหนึ่งเรื่องที่ตีแผ่ความจริงในยุคที่ผู้หญิงถูกปิดหูปิดตาปิดปากอย่างสมบูรณ์แบบ ไร้ซึ่งสิทธิเสรีภาพใด ๆ พวกเธอถูกป้อนคำสั่งให้ทำสิ่งต่าง ๆ ไม่ต่างจากหุ่นยนต์ เสมือนถูกขโมยชีวิต ไร้ซึ่งจิตวิญญาณ
เฟมินิสต์
The Handmaid’s Tale (1985) The Handmaid’s Tale เรื่องเล่าของสาวรับใช้ ผลงานการแปลจากสำนักพิมพ์ Library House ที่หยิบผลงานระดับมาสเตอร์พีชของ Margaret Atwood มาปัดฝุ่น ให้คุณเข้าใจชีวิตไร้สิทธิ์และเสียงของเพศหญิง ที่ถูกบดขยี้อย่างไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์
เฟมินิสต์
Alias Grace (1996) โดย Margaret Atwood
The Handmaid’s Tale (1985) และ Alias Grace (1996) โดย Margaret Atwood เป็นเรื่องราวของสาวรับใช้ที่โดนกดขี่จากกฎเกณฑ์ทางสังคม ทั้งบทบาทความเป็นมนุษย์ที่ถูกลิดรอน รวมถึงความเป็นสตรีที่ถูกข่มเหงและล่วงละเมิด ถูกนำไปสร้างละครโทรทัศน์ในปี 2017

Sources:
  1. Rupi Kaur’s “Milk and Honey”: Ringing in the Era of Feminist Literature
  2. Thing Americans Are Shocked By in Europ
  3. Emma Watson Honors Rupi Kaur’s ‘Milk and Honey’ with a Recommendation on Our Shared Self!
  4. @emmawatson Instagram
  5. Feminism
  6. A brief history of post-war feminism in toronto
  7. FEMME FEED | THIRD-WAVE FEMINISM, A GLOSSARY OF TERMS YOU NEED TO KNOW
  8. The book that made me a feminist

ติดตามข่าวสารและซื้อหนังสือออนไลน์ผ่าน mbookstore