การอ่านหนังสือ นักอ่าน อ่านหนังสือ เทคนิคอ่านหนังสือ

การอ่านหนังสือไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพียงมีตัวช่วยเหล่านี้…

Home / Book Tips / การอ่านหนังสือไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพียงมีตัวช่วยเหล่านี้…

หนังสือไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่คิด และก็คงไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่เราจะหยิบมันขึ้นมาอ่าน


          ถ้าใครที่รักการอ่านหนังสืออยู่แล้ว คงจะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “หนังสือเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตและไม่ต้องมีตัวช่วยใดๆ ทั้งสิ้น” สำหรับใครที่กำลังอยากจะเริ่มอ่านหนังสือหรือกำลังคิดที่จะอ่านมัน แต่ไม่มีแรงบันดาลใจให้อยากจะเปิดขึ้นมาอ่าน เรามีตัวช่วยง่ายๆ มาฝาก ถ้าหากทำได้ “การอ่าน” ก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป…

ตั้งเป้าหมายในการอ่าน

          ก่อนเปิดหน้าแรกของหนังสือทุกเล่มที่ได้มาทั้งด้วยการยืมหรือซื้อ ควรตั้งเป้าว่าจะอ่านจบเมื่อไหร่ การกำหนดขอบเขตในการอ่านแต่ละวันทำให้สามารถติดตามความคืบหน้าได้ และเพื่อกันไม่ให้ลืมเป้าที่ตั้งไว้ควรใช้ตัวช่วย เช่นจดลงสมุดบันทึกส่วนตัวหรือ Goodreads – App เตือนความจำว่าคุณอ่านไปได้กี่เล่มตามที่ตั้งใจไว้หรือไม่เมื่อเทียบจำนวนที่เพื่อนร่วม App นี้ที่แสดงให้เห็นบน Facebook

กำหนดเวลาที่ให้เฉพาะกับหนังสือ

          หลายสิ่งหลายอย่างในชีวิต ถ้าไม่กำหนดเวลาตายตัวเอาไว้ คุณก็อาจลืมมันไป ดังนั้นเพื่อกันตัวเองไม่ให้อ้างว่า “ก็ไม่มีเวลา” ควรจดไว้ในสมุดบันทึกประจำวันหรือตั้งเตือนไว้ใน Mobile Device คู่ใจ เพราะเมื่อบ่อยเข้าก็จะกลายเป็นกิจวัตร พัฒนาสู่นิสัย และท้ายที่สุดจะเป็นกิจกรรมที่ขาดไม่ได้ของชีวิต เหมือนกินอาหารและนอนหลับพักผ่อน บอกเคล็ดลับไว้หน่อย ถ้าหนังสือเล่มไหนเนื้อหาหนักหรือมีจำนวนหน้ามาก ให้อ่านตอนเช้าเพราะเป็นช่วงสมองโล่งพร้อมรับข้อมูลใหม่ๆ ได้ดีที่สุดไม่ว่าจะยากหรือเยอะแค่ไหนก็ตาม

หาทำเลเหมาะน่านั่งอ่าน

          หลังตั้งเป้าและกำหนดเวลาในการอ่านแล้ว ปัจจัยถัดมาที่จะช่วยให้ประสิทธิภาพการอ่านเพิ่มขึ้นคือสถานที่ ควรเลือกห้องหรือบริเวณปลอดเสียงรบกวน แล้วหาชุดโต๊ะ-เก้าอี้นั่งสบายพร้อมโคมไฟเผื่อไว้อ่านตอนกลางคืน

เลือกตามใจว่าชอบ eBook หรือ TreeBook

          หนังสือแต่ละประเภทมีจุดดี-จุดด้อยต่างกันไป เช่นเดียวกับรูปแบบของหนังสือ โดยจุดแข็งของ eBook คือ พกพาสะดวก หาข้อความที่ต้องการได้ทันใจ แต่ด้วยความที่เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้า หากลืมชาร์จก็ใช้ไม่ได้และมองจอนานๆ อาการตาล้า ตาพร่าจะถามหา ส่วนหนังสือกระดาษแม้ไร้เทคโนโลยีใดๆ แต่คุณจะได้อารมณ์การอ่านแบบดั้งเดิมที่ต้องเปิดไปทีละหน้า ได้กลิ่นกระดาษและหมึกทุกครั้งที่สายตามองผ่านตัวอักษร ขณะเดียวกันน้ำหนักเบา ราคาถูก ถ้าเกิดหายขึ้นมาก็ไม่ต้องเสียดาย เห็นอย่างนี้แล้วคุณคงพอรู้แล้วว่า ตัวเองเหมาะที่จะอ่าน หนังสือ Digital หรือหนังสือกระดาษ

ลองไปห้องสมุดบ้าง

          นานแค่ไหนที่คุณไม่ได้ไปห้องสมุด อาจเป็นสมัยเรียนเพื่อไปหาข้อมูลทำรายงานตามอาจารย์สั่ง แต่เดี๋ยวนี้ห้องสมุดเปลี่ยนไปเยอะ โดยนอกจากช่วยเปิดโลกทัศน์ในการอ่านผ่านหลายเล่มที่ไม่คุ้นเคยแล้ว หลายแห่งยังมีหนังสือเสียง (Audiobook) อีกอย่างการถูกแวดล้อมด้วยหนังสือและนักอ่าน จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการอ่านให้คุณได้เป็นอย่างดี

ที่มา : success