อ่านหนังสือ 200 เล่มต่อปี

เป็นไปได้ไหม? ที่ทุกคนจะ อ่านหนังสือ 200 เล่มต่อปี

เคยมีคนถาม Warren Buffett เกี่ยวกับความลับในความสำเร็จที่เขามี Buffett ชี้เป้าไปที่กองหนังสือของเขาแล้วพูดว่า :

“อ่านวันละ 500 หน้า คือวิธีที่ความรู้ทำงาน มันเพิ่มพูนเหมือนดอกเบี้ยทบต้นทบดอก พวกคุณทุกคนทำได้ แต่ผมการันตีได้เลยว่าไม่มาก”

แล้วก็จริงอย่างที่ Buffett ตราหน้าเอาไว้ คนธรรมดาอย่างเราอ่านได้ไม่ถึงวันละ 500 หน้า แต่บ้างก็บอกว่าตัวเองอ่านได้ถึงวันละ 200 เล่มต่อปี ในที่นี้คือต้องอ่านทุกวัน ปกแล้วปกเล่า และไม่หยุดที่จะอ่านหรือเปล่า?

แต่ความจริงสำหรับการอ่านก็คือ เมื่ออ่านไปเรื่อย ๆ คุณจะพบว่า หนังสือทำให้คุณกล้าเที่ยวในที่ไม่คุ้น หนังสือทำให้คุณกล้าลาออกจากงาน หนังสือเป็นต้นแบบและฮีโร่ให้กับคุณ รวมถึงทุกอย่างที่โลกใบเดิมของคุณไม่มี

คนดังทั่วโลกอ่านมาแล้ว!

ทั้งหมดก็แค่อยากจะบอกว่าการอ่านหหนังสือวิเศษกว่าที่คุณคิดนะ เป็นสิ่งอัศจรรย์ที่ทุกคนสามารถทำได้

ขั้นที่ 1
อย่าเลิก ก่อนที่คุณจะเริ่ม

เมื่อเราอ่านเจอสิ่งที่ Buffett แนะนำ ในหัวเราก็ค้านขึ้นมาทันทีว่า ‘ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้แน่นอน’ สิ่งที่เราจะทำต่อไปจากนั้นคือหาเหตุผลมาสนับสนุนความคิดของตัวเอง เช่น ‘ฉันยุ่งเกินไป’ ‘ฉันฉลาดไม่พอ’ หรือ ‘การอ่านมันไม่ใช่ทางของฉัน’

ใช่แล้ว มันเหมือนกับที่ Buffett พูดว่าทุกคนทำได้ แต่คนส่วนใหญ่จะไม่

ขั้นที่ 2
ใช้คณิตศาสตร์ง่าย ๆ ในการคำนวณการอ่าน

หากอยากอ่านหนังสือให้ได้ 200 เล่มต่อปีจะใช้เวลานานเท่าไหร่? ก่อนอื่นเรามาดูสถิติการอ่านหนังสือของคนไทยกันก่อน เฉลี่ยที่ 200 – 400 คำต่อนาที หากอ่านหนังสือประเภทสารคดีทั่วไปจะอยู่ที่ 50,000 คำต่อเล่ม เท่ากับว่าการอ่านหนังสือ 200 เล่ม = 10 ล้านคำ

หากเราอ่านหนังสือด้วยความไวสูงสุด 400 คำต่อนาที เราจะใช้เวลาในการอ่านหนังสือ 10 ล้านคำ (หรือ 200 เล่มนี้) ประมาณ 25,000 นาที คิดเป็น 417 ชั่วโมง

417 ชั่วโมงต่อปี อ่านหนังสือได้ 200 เล่มเชียวล่ะ!

ฟังแล้วดูยากไหม? เพราะคนส่วนใหญ่หมดเวลาไปกับงานถึง 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ แล้วเราจะอ่านหนังสือให้ได้ 417 นาทีได้ยังไง?

ขั้นที่ 3
ค้นหาเวลาที่หลบซ่อน

417 ชั่วโมง ฟังดูแล้วเยอะมาก ๆ เลย แต่มันเยอะจริงหรอ? ลองคิดตามในมุมต่าง เพราะสิ่งที่เราจะนำเสนอต่อไปนี้คือเวลาที่ชาวไทยใช้ไปกับโซเชียลมีเดียและสื่อออนไลน์ในเวลา 1 ปี:

ETDA เปิดเผยผสำรวจพฤติกรรมการใช้งานอินเตอร์เน็ตของคนไทยในปี 2561 พบว่า ทุกช่วงอายุมีการใช้อินเตอร์เน็ตไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมงต่อวัน โดยเฉพาะในกลุ่มคนอายุ 18 – 37 ปี ซึ่งการใช้งานที่นิยมยังคงเป็นโซเชียลมีเดีย

อาทิ Facebook, Instagram, Twitter และ Pantip สูงถึง 1 ใน 3 ของการใช้อินเตอร์เน็ตทั้งหมด หรือถ้าคิดเล่น ๆ ใน 1 ปี คนไทยใช้เวลากับอินเตอร์เน็ตทั้งหมด 3,650 ชั่วโมง แบ่งเป็นโซเชียลมีเดียประมาณ 1,216 ชั่วโมงเชียวล่ะ

แล้วถ้าหากเราเจียดเวลาเหล่านั้นเพื่อการอ่านหนังสือ คุณจะสามารถอ่านได้ถึง 1,752 เล่มต่อปี!!

นี่คือความจริงง่าย ๆ ที่เรามองข้ามไปด้วยการบอกว่า ‘ไม่มีเวลา’ เพราะเรามีทุกเวลาที่เราต้องการเสมอ ส่วนที่น่ากลัวก็คงจะเป็นเพราะเราไม่ได้สนใจละรู้ว่าอะไรสำคัญต่างหาก .

การเริ่มต้นค้นหาเวลาที่สูญหาย เป็นการปรับมุมความขั้นแรกของคนที่อยากจะอ่านให้มากขึ้น ที่ buffet บอกว่ามันเป็นเรื่องง่าย ๆ ที่ทำได้ยากนั่นเอง

ขั้นที่ 4
ลงมือทำ

เราทุกคนรู้อยู่แล้วว่าการอ่านเป็นสิ่งสำคัญ เรารู้อยู่เต็มอกว่าควรอ่านให้มาก ๆ แต่เราแค่ทำไม่ได้ สาเหตุหลักที่ความล้มเหลวนี้เกิดขึ้น มาจากตัวเราเองทั้งสิ้น

อย่างแรกที่ควรทำคือการปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยให้เข้าถึงหนังสือง่ายขึ้น และตัดสิ่งรบกวนที่ทำให้การอ่านมีอุปสรรคออกไปบ้าง โดยเริ่มต้นจากวางหนังสือไว้ในทุกหนทุกแห่งรอบบ้าน ข้างเตียงนอน ในห้องน้ำ ห้องนั่งเล่น หรือแม้แต่ในโทรศัพท์ก็ยังสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นสำหรับการอ่านได้ เช่น Kindle เป็นต้น สิ่งนี้แหละจะนำพานิสัยการอ่านมาสู่คุณ

การใช้ Willpower หรือบังคับตัวเองด้วยจิตใจ อาจไม่ใช่เครื่องมือที่ดีนักสำหรับการเปลี่ยนแปลงนิสัยของตัวเอง มันมักจะล้มเหลวเมื่อพึ่งพาจิตใจและนิสัยของตัวเอง เพราะส่วนใหญ่ใจอ่อนให้กับใจตัวเอง วิธีที่ดีที่สุดคือหาแรงจูงใจให้มันดูเป็นภารกิจที่น่าสนุกหรืออาจหาโค้ชสักคนเพื่อช่วยฝึกนิสัยการอ่าน เช่น วางเงินเดิมพันเมื่ออ่านครบตามจำนวนเล่มที่กำหนด

อย่าใช้สื่อเดียว ! หากเป้าหมายของคุณคือการอ่านให้มากขึ้น อย่าเจาะจงว่าจะเลือกอ่านจากไหนกหรือจากสื่ออะไร เพราะคุณสามารถอ่านได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นหนังสือแบบกระดาษ บนโทรศัพท์ หนังสือเสียง Podcast หรือที่อื่น ๆ ในทุกสถานที่ที่ทำได้

Sources:

ฉันอ่านหนังสือหนึ่งวัน และทั้งชีวิตของฉันก็เปลี่ยนไป

Orhan Pamuk