เรื่องเล่าสาวรับใช้ สู่ บทสนทนาว่าด้วยเรือนร่าง
The handmaid ‘ s tale (เรื่องเล่าสาวรับใช้) ของสำนักพิมพ์ ไลบรารี่เฮ้าส์ สู่การจัดงานบทสนทนาว่าด้วยเรือนร่างของอำนาจ และระบบการผลิตในวรรณกรรมแปล เรื่องเล่าสาวรับใช้

สำนักพิมพ์ไลบรารี่เฮ้าส์ ร่วมกับ สาขาวิชาภาษาและวรรณคดีอังกฤษ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดงาน The handmaid ‘ s talk เสวนาและสนทนากับ คุณจุฑามาศ แอนเนียน ผู้แปลนวนิยาย เรื่องเล่าของสาวรับใช้, คุณลักขณา ปันวิชัย นักเขียน นักแปล พิธีกร และ คุณธาริตา อินทนาม อาจารย์ประจำสาขาวิชาภาษาและวรรณคดีอังกฤษ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้เขียนบทความท้ายเล่มใน เรื่องเล่าของสาวรับใช้
วรรณกรรมดิสโทเปียนชั้นบรมครู ผลงานระดับมาสเตอร์พีชที่ถูกเขียนขึ้นในปี 1984 โดยนักเขียนชาวแคนาดา Margaret Atwood ซึ่งนำมาปัดฝุ่นใหม่ให้คุณเข้าใจชีวิตที่ไร้ซึ่งสิทธิ์และเสียง ผ่านตัวละครหลักอย่าง “ออฟเฟรด” หนึ่งในสาวรับใช้ สัญลักษณ์ของเพศหญิงที่ตกเป็นเบี้ยล่างใต้อำนาจเผด็จการของรัฐบาลในสังคมดิสโทเปียแห่งอนาคต เธอและสาวรับใช้คนอื่น ๆ ถูกกระทำอย่างหยามเกียรติ ลดค่าความเป็นมนุษย์ซ้ำ ๆ . . เพียงเพราะพวกเธอเหล่านั้นเป็นผู้หญิง
หากใครสนใจ สามารถเข้าร่วมได้ใน วันเสาร์ที่ 24 มีนาคม 2561 เวลา 13.00 – 15.00 o. ณ ห้องโถงริมน้ำ ชั้น 1 ตึกคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ **ไม่มีการสำรองที่นั่งและไม่มีค่าใช้จ่าย **
เรื่องเล่าของสาวรับใช้ ไม่ใช่แค่วรรณกรรมที่อ่านเอาสนุกเท่านั้น แต่มันได้กลายเป็นวรรณกรรมคาดการณ์ที่เหตุการณ์ในเรื่องเคยเกิดขึ้นจริงมาแล้วในทั่วทุกมุมโลกและอาจเกิดขึ้นอีกเมื่อไหร่ก็ได้ เช่น ในปี 2017 ที่ผู้หญิงกลุ่มหนึ่งในหลายรัฐของสหรัฐอเมริกาพากันแต่งตัวเลียนแบบสาวรับใช้ในเรื่อง (ชุดผ้าคลุมสีแดงและหมวกบอนเน็ตสีขาว) ในการประท้วงต่อต้านนโยบายของรัฐบาลในการปกครองของ โดนัลด์ ทรัปป์ ที่ออกกฎหมายลิดรอนสิทธิเสรีภาพของพวกเธอ ด้วยการออกยกเลิกระเบียบสวัสดิการการคุมกำเนิดของนายจ้างทั่วสหรัฐ ซึ่งเรื่องราวช่างคล้ายคลึงอย่างน่าแปลกใจ
สาวรับใช้เหล่านี้มีประโยชน์ที่สุดเพื่อใช้เพาะพันธุ์ เสมือน “เครื่องฟักไข่เดินได้” หากตั้งครรภ์ไม่ได้ก็ไร้ซึ่งประโยชน์ ถูกตราหน้าว่าเป็นคนบาป และส่งตัวไปทำงานหนักในคุก โดยสาวรับใช้ทุกคนมีหน้าที่ในการทำ “พิธี (Ceremony)” กับนายจ้าง การทำพิธี คือการร่วมเพศกับคนที่ไม่ได้สมรสอย่างถูกต้อง โดยให้สาวรับใช้นอนตรงหว่างขาของผู้เป็นภรรยานายจ้าง เลิกกระโปรงขึ้นไปเหนือเอว (ไม่ได้ถอดเสื้อผ้าทั้งหมด) จากนั้นจึงเริ่ม “พิธี” เสมือนสาวทั้งสองเป็นคนคนเดียวกัน พวกเธอไม่มีปากมีเสียง แม้แต่ผู้เป็นภรรยาของผู้ชายเองก็ตาม อย่าง ภรรยาของนายจ้างของ “ออฟเฟรด” ที่แท้จริงแล้วเป็นคนหัวโบราณและมีค่านิยมแบบเก่า แต่การเปลี่ยนแปลงของรัฐGilead ทำให้เธอไม่สามารถทำตามใจปรารถนาได้ ถึงจะไม่เห็นด้วยตามกฎที่รัฐบาลออกคำสั่งมา แต่ทำได้เพียงแค่ปิดหูปิดตาปิดปากสนับสนุนสามี