5 นิยาย Distopia Fahrenheit 451 Lock In Maxx Publishing Ready Player One The Giver Z for Zachariah นวนิยาย นิยาย นิยายต่างประเทศ นิยายแปล วรรณกรรม วัยรุ่น หนังสือ หนังสือน่าอ่าน อ่านหนังสือ แนะนำหนังสือน่าอ่าน 2017 แพรวสำนักพิมพ์ โลกดิสโทเปีย ไลฟ์สไตล์

5 นิยายโลกดิสโทเปียที่อ่านแล้วต้องตีอกผางๆ

Home / สารพันหนังสือ / 5 นิยายโลกดิสโทเปียที่อ่านแล้วต้องตีอกผางๆ

          การจะทดสอบว่า ชีวิตคุณสตรองแค่ไหน ลองโยนตัวเองไปอยู่ในโลกดิสโทเปียดู เพราะโลกใบนี้เต็มไปด้วยความมืดมน จากผู้คน ธรรมชาติ เชื้อโรค ภัยพิบัติ และอื่นๆ แต่โลกดิสโทเปียเป็นโลกแห่งอนาคตที่ไม่มีใครหยั่งรู้ได้เลย มันจึงถูกสะท้อนออกมาด้วยรูปแบบจินตนาการหรือเรื่องราวในนิยายให้ได้อ่านกัน
          หนังสือ 5 เล่มที่คัดสรรมา เป็นตัวแทนโลกดิสโทเปียโดยแท้ ที่รับประกันความมันระดับท็อป ยากแก่การคาดเดา และลุ้นไปกับชะตากรรมของตัวละครตั้งแต่ต้นจนจบ ขอเชิญชวนนักอ่านทุกท่านร่วมผจญภัยไปในโลกดิสโทเปียบนหน้ากระดาษด้วยกัน พร้อมสัมผัสกับอารมณ์ร่วมขณะอ่านที่คุณจะต้องตีอกผางๆ ด้วยความตื่นเต้นแน่นอน

          Z for Zachariah
          ผู้เขียน: Robert C. O’Brien
          ผู้แปล: วิลาส วศินสังวร
          สำนักพิมพ์: เอิร์นเนสต์ (Earnest)

          Z for Zachariah หรือในชื่อภาษาไทย สูญมนุษย์วันสิ้นโลก เป็นเรื่องราวของ แอนน์ สาวชาวบ้านที่ต้องเลี้ยงชีวิตตัวเองให้รอดเพียงลำพัง จากโลกที่ถูกทำลายล้างด้วยอาวุธนิวเคลียร์ มีพื้นที่เดียวที่เธออยู่เท่านั้นที่ไม่โดนผลกระทบ และทำให้เธอมีชีวิตอยู่ได้ แต่ก็เพียงคนเดียวเท่านั้น เธอพยายามหาอาหารและทรัพยากรที่จำเป็นจากละแวกนั้นมาประคองร่างกายของตัวเอง จนวันหนึ่งเธอได้พบกับ จอห์น วิศวกรหนุ่มที่หนีรอดจากภัยอาวุธนิวเคลียร์นั้นมาได้
          เขาและเธอมีชีวิตร่วมกันในฐานะเพื่อนร่วมพื้นที่ที่ยังมีชีวิตอยู่ ก่อนจะค่อยๆ ก่อร่างสร้างความสัมพันธ์ให้กลายเป็นความรักที่เบ่งบาน มันคงจะจบอย่างสวยงาม หากไม่มี คาเลบ หนุ่มปริศนาที่มีชีวิตรอดอีกคนมาพัวพันให้ความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งคู่สั่นคลอน แล้วแอนน์จะทำอะไร เมื่อขาดเธอก็เหงา ขาดเขาก็คงเสียใจ รักสามเส้านี้จะจบลงที่ตรงไหน เพราะในเมื่อเธอเป็นเหมือนตัวแทนให้ต้องดำรงเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ต่อไป ช่างเป็นการตัดสินใจที่ยากเหลือเกิน

          Ready Player One
          ผู้เขียน: Ernest Cline
          Ready Player One เหมาะสำหรับผู้คลั่งไคล้เรื่องเกมโดยแท้จริง โดยเรื่องราวเกิดขึ้นในโลกอนาคตปี 2044 ทุกย่อมหญ้ายากจนข้นแค้นจนต้องพึ่งเงินจากรัฐบาล แต่มีอยู่ที่หนึ่งที่ไม่ต้องพึ่งคือ โลกโอเอซิส ทุกคนตักตวงความหรูหราและสะดวกสบายจากโลกใบนี้ได้ทุกคน เพราะโลกโอเอซิสคือโลกเสมือนจริงที่อยู่ในโลกออนไลน์เท่านั้น แถมโลกใบนี้ยังล่อตาล่อใจด้วยการให้โอกาสกับทุกคนในการเป็นเจ้าของโลกเสมือนจริงนี้พร้อมกับทรัพย์สมบัติมูลค่าเกินนับมือไหว ซึ่งหากใครพบกุญแจที่ทางโลกนี้ซ่อนไว้ และไขผ่านด่านได้ครบ 3 ด่าน ก็จะได้เป็นผู้ครอบครองโลกนี้ไป
          ดูเหมือนง่าย แต่มันไม่ง่ายเลย เพราะคำใบ้ต่างๆ เป็นเรื่องราวในยุค 80 ที่คนในโลกอนาคตแทบจะลืมเลือนไปหมดแล้ว โดยคำใบ้ต่างๆ ล้วนเกี่ยวข้องกับหนัง เกม และวัฒนธรรมในยุคก่อนแทบทั้งสิ้น แต่เด็กกำพร้าอายุ 18 ปีอย่าง เวด วัตต์ ทำได้ และพบกุญแจไขด่านแรกสำเร็จ เด็กหนุ่มกลายเป็นคนดังชั่วข้ามคืน แต่ความดังกลับซ่อนมีดปลายแหลมที่พร้อมจะไล่ล่าเด็กคนนี้ได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทที่ให้บริการโลกเสมือนจริงนี้ ก็พร้อมที่จะตามเก็บเด็กหนุ่มเช่นกัน เพื่อให้ได้มาซึ่งโลกโอเอซิสที่ตัวเองหมายปอง

          Fahrenheit 451
          ผู้เขียน: Ray Bradbury
          ผู้แปล: ต้องตา สุธรรมรังษี
          สำนักพิมพ์: แพรวสำนักพิมพ์
          เดือดตั้งแต่ต้นเล่ม Fahrenheit 451 เริ่มต้นจากการที่ไม่อนุญาตให้มีหนังสืออยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไป หนังสือทุกเล่มต้องถูกเผาให้เตียน ความบันเทิงอย่างเดียวที่ได้รับคือ โทรทัศน์ที่ภาครัฐจัดสรรให้ ตัวเอกอย่าง มอนตาจ มีหน้าที่ในการเผาหนังสือดังกล่าว และไม่เคยตั้งคำถามถึงการกระทำของตัวเองเลยสักครั้ง แต่แล้ววันหนึ่งที่เขาต้องเข้าไปปฏิบัติการเผาหนังสือในบ้านหลังหนึ่ง หญิงเจ้าของบ้านกลับเลือกที่จะตายพร้อมกับเปลวไฟที่มอดไหม้ไปกับหนังสือเหล่านั้น เขาสงสัยว่า หนังสือต้องมีอะไรแน่ๆ ที่ทำให้เธอยอมตายไปพร้อมกับมัน
          จนเขาได้พบกับ แคลริส สาวน้อยเพื่อนบ้านสุดประหลาด ที่ตั้งคำถามถึงความสุขจากสิ่งที่เขาทำอยู่ แถมยังแนะนำให้เขาพบกับของต้องห้ามอย่าง ‘หนังสือ’ ที่ทำให้เขารู้จักโลกมากขึ้นผ่านสื่อทางความคิดเหล่านี้ แน่นอนว่า เขาเริ่มตั้งคำถามมากขึ้น เก็บซ่อน ‘หนังสือ’ มากขึ้น และเมื่อเขาถูกรัฐตรวจสอบ มอนตาจต้องหาทางเอาตัวรอดให้ได้

          The Giver
          ผู้เขียน: Lois Lowry
          ผู้แปล: ต้องตา สุธรรมรังษี
          สำนักพิมพ์: แพรวสำนักพิมพ์
          The Giver หรือ โจนาสกับผู้ให้ เริ่มเรื่องที่เด็กชาย โจนาส วัยครบ 12 ปีบริบูรณ์ ที่อาศัยอยู่ในโลกอนาคตหลังการล่มสลายของโลกปัจจุบัน เป็นโลกที่ทุกคนเท่าเทียมกันหมด ฝึกงานเหมือนกัน ไม่แบ่งแยกสีผิว ไม่มีดนตรีและบทเพลง ทุกคนต้องรับประทานยาเพื่อกดอารมณ์ข้างในของตัวเองเอาไว้ 12 ปีของโจนัส เขาน่าจะได้เริ่มใช้ชีวิตแบบผู้ใหญ่ แต่กลุ่มอาวุโสในโลกอนาคตกลับเลือกให้เขาทำอาชีพพิเศษที่เรียกว่า The Giver คือรับความทรงจำจากคนที่ทำหน้าที่ก่อนหน้า ความทรงจำที่ได้รับมา คือชุดข้อมูลจากโลกเก่า ทั้งสงคราม ความรัก ความเจ็บป่วย โรคระบาด ดนตรี และอื่นๆ
          ความทรงจำจากโลกเก่าจะไม่ถูกบรรจุไว้ในความทรงจำของคนในโลกอนาคต มีเพียง The Giver เท่านั้นที่เป็นผู้เก็บรักษาไว้ แต่ก็มีเรื่องเกิดขึ้น เมื่อเขารับเด็กแรกเกิดชื่อ เกเบรียล มาเลี้ยง แต่เด็กนั้นดูท่าไม่แข็งแรง และมีแนวโน้มว่าจะถูก ‘ปลอดปล่อย’ (ศัพท์ในโลกอนาคตหมายถึง ฉีดยาให้ตาย) โจนาสขัดขืน เพราะเขาเป็นคนเดียวที่รู้ว่า ปลดปล่อย หมายถึงอะไร จึงคิดหนีออกไปอีกโลกหนึ่งพร้อมกับเด็กน้อยเกเบรียล แต่เขาลืมไปอย่างว่า ความทรงจำในโลกเก่าจะย้อนกลับไปหาคนในโลกอนาคตโดยอัตโนมัติ หากเขาออกนอกเขตโลกนี้ไปแล้ว…เอาแล้วสิ

          Lock In
          ผู้แต่ง: John Scalzi
          ผู้แปล: วีระวัฒน์ เตชะกิจจาทร
          สำนักพิมพ์: Maxx Publishing
          Lock In พูดถึงโลกที่เต็มไปด้วยโรคระบาดอย่าง ‘โรคเฮเดน’ ที่ทำให้คนเป็นอัมพาต รับรู้แต่ขยับตัวไม่ได้ คนกลุ่มดังกล่าวอยากมีชีวิตเหมือนมนุษย์อีกครั้ง เลยหันหน้าไปพึ่งเทคโนโลยีอย่างหุ่นยนต์ แต่ดูเหมือนหุ่นยนต์ยังตอบสนองความต้องการของกลุ่มเฮเดนไม่พอ เลยเบี่ยงไปใช้บริการกลุ่มที่เรียกว่า ‘อินทิเกรเตอร์’ (Integrator) แทน กลุ่มคนเหล่านี้ป่วยเป็นโรคเฮเดนที่หายเป็นปกติ แต่โรคนี้ส่งผลกระทบให้สมองถูกควบคุมและแทรกแซงได้ง่าย กลุ่มเฮเดนเลยใช้ช่องทางนี้ในการคืนความเป็นมนุษย์ให้กับตัวเองอีกครั้ง
          การแทรกแซงครั้งนี้ดูเหมือนจะดี แต่มันดันเกิดเรื่องราวฆาตกรรมที่จับมือใครดมไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าคนฆ่าคือกลุ่มเฮเดน หุ่นยนต์ หรือเหล่าอินทิเกรเตอร์กันแน่ โดยเจ้าหน้าที่ FBI คู่หูพบศพชายนิรนามในโรงแรม ร่องรอยและเบาะแสคล้ายจะเชื่อมโยงไปถึงเฮเดนที่ควบคุมร่างอินทิเกรเตอร์ไว้ งานนี้ไม่ใช่เรื่องปอกกล้วยเข้าปากซะแล้ว ทั้งสองพยายามแก้ปมอย่างหนัก แต่ยิ่งแก้เท่าไหร่ เหมือนปมนั้นจะยิ่งยุ่ง และโยงใยขึ้นไปเรื่อยๆ พวกเขารู้ได้ว่า นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แล้ว แต่มันเป็นเรื่องที่ส่งผลต่อมวลมนุษยชาติในอนาคต รับประกันเรื่องนี้งานหักมุมต้องมา…

          อ่าน 5 เล่มนี้จบแล้ว รับรองว่า จะได้จินตนาการและการหักมุมแบบถึงใจ และที่สำคัญตื่นเต้นทุกวินาที จนคุณต้องอุทานว่า ‘อุ๊ตะ’ แล้วตีอกผางๆ ออกมาเลยล่ะ