นักธุรกิจ มหาเศรษฐี ลี กาชิง ฮ่องกง เคล็ดลับความสำเร็จ

ซุปเปอร์แมนฮ่องกง : ‘ลี กาชิง’ เปิดเส้นทางมหาเศรษฐีผู้ทรงอิทธิพล กับจุดเริ่มต้นที่มาจากการอ่าน

Home / สารพันหนังสือ / ซุปเปอร์แมนฮ่องกง : ‘ลี กาชิง’ เปิดเส้นทางมหาเศรษฐีผู้ทรงอิทธิพล กับจุดเริ่มต้นที่มาจากการอ่าน

เพียงแค่รักการอ่าน อาจทำให้เรากลายเป็นมหาเศรษฐีหรือคนที่ประสบความสำเร็จได้

          ลี กาชิง (Li Ka-shing) คือมหาเศรษฐีผู้ทรงอิทธิพลแห่งเกาะฮ่องกง และยังติดอันดับบุคคลที่มีทรัพย์สินมากที่สุดเป็นอันดับที่ 23 ของโลก ถือเป็นตำนานนักธุรกิจที่สร้างแรงบันดาลใจให้ใครหลายคน ด้วยวิธีคิดและความพยายามของตัวเองที่เริ่มมาจากศูนย์

จากจุดเริ่มต้นที่เป็นศูนย์

          ชีวิตในวัยเด็กของเขาไม่ได้สุขสบายเหมือนคนอื่นๆ จากที่เคยได้รับการศึกษาเหมือนเพื่อนในวัยเดียวกัน ก็จำเป็นต้องลาออกมาทั้งที่เขาเป็นคนที่ใฝ่เรียนอย่างมาก สาเหตุที่ทำให้ต้องออกมาก็เพราะต้องเป็นเสาหลักคอยดูแลคนในครอบครัว งานแรกที่เขาต้องทำคือการรับจ้างเป็นกรรมกร อีกทั้งยังเป็นเด็กส่งของให้กับโรงงานของเล่นพลาสติก แต่ท่ามกลางมรสุมชีวิตก็ยังมีเรื่องดีๆ ให้เขาพอยิ้มได้นั่นก็คือ เขาเริ่มมีหน้าที่การงานที่ดีขึ้น จากการเป็นเด็กรับจ้าง ก็ขยับขึ้นมาเป็นเซลล์ขายของเล่น และด้วยความที่เขาเป็นคนขยันจึงได้เลื่อนขั้นให้เป็นผู้จัดการใหญ่ของโรงงาน ทั้งที่ในตอนนั้นเขามีอายุเพียง 20 ปีเท่านั้น

สำเร็จได้ เพราะรักการอ่าน

          สิ่งที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จในชีวิต ไม่ใช่แค่เพียงความขยันสู้ชีวิตอย่างเดียวเท่านั้น แต่เขาเป็นคนที่รักการอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจมาตั้งแต่เด็ก แม้งานประจำที่ทำอยู่จะยุ่งมากแค่ไหน เขาก็ยังแบ่งเวลาสำหรับอ่านหนังสือ โดยที่เขาจะตื่นนอนตั้งแต่ตี 4 เพื่ออ่านหนังสือทุกวัน และยังใช้เวลาหลังเลิกงานไปเรียนพิเศษเพิ่มเติมอีกด้วย

ความรู้พื้นฐานของผมมาจากหนังสือเก่าๆ หนังสือเก่าที่ซื้อมา พออ่านจบแล้วก็ขายต่อไป แล้วเอาเงินไปซื้อหนังสือเก่าเล่มใหม่มาอ่านอีก

          ด้วยความที่เขาเป็นคนที่รักการอ่านหนังสืออย่างมาก บวกกับการชอบค้นคว้าหาความรู้อยู่เสมอ ทำให้เขามีความฝันว่าอยากเป็นเจ้าของกิจการ โดยคิดที่จะเปิดตลาดสินค้าใหม่ๆ เขาจึงเลือกนำความรู้จากการอ่านหนังสือและประสบการณ์เมื่อครั้งเคยเป็นพนักงานขาย มาลงทุนเปิดโรงงานผลิตพลาสติกของตัวเองในปี 1950 ด้วยเงินเก็บติดตัวทั้งหมด 7,000 เหรียญสหรัฐ

          เมื่อได้ก้าวเข้าสู่การเป็นนักธุรกิจอย่างเต็มตัว เขาเลือกทำงานบนความเชื่อที่ว่า อย่าหยุดที่จะซึมซับความรู้ใหม่ๆ คำนึงถึงภาวะเศรษฐกิจของโลกและโครงสร้างการเมือง และวิ่งให้ล้ำหน้ากว่าสังคมเล็กน้อย มองเห็นคุณค่าในสิ่งที่คนอื่นมองข้าม ทำให้ภายในเวลาแค่ไม่กี่ปี โรงงานของเขาติดอันดับโรงงานส่งออกดอกไม้พลาสติกรายใหญ่ที่สุดในเอเชีย นอกจากนี้เขายังขยายธุรกิจไปอีกมายมาย ถือเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งในเอเชียก็ว่าได้