Dyslexia mbookstore Mission Impossible ความบกพร่องทางการเรียนรู้ ทอม ครูซ

ทอม ครูซ กับการต่อสู้ในชีวิตจริง Dyslexia (ความบกพร่องทางการเรียนรู้)

Home / สารพันหนังสือ / ทอม ครูซ กับการต่อสู้ในชีวิตจริง Dyslexia (ความบกพร่องทางการเรียนรู้)

ทอม ครูซ และการต่อสู้ในชีวิตจริง Dyslexia (ความบกพร่องทางการเรียนรู้)

ทอม ครูซ

กระแสถล่มโซเชียล พูดถึง ทอม ครูซ ใน Mission Impossible ภาคล่าสุดมา ว่ายังลีลาร้อนแรงพร้อมฉากแอคชั่นอลังกาลมันหยดติ๋งเหมือนเดิมแบบที่วัย 56 ไม่ใช่ปัญหา แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญเพราะเจอเรื่องที่น่าทึ่งกว่านั้น เมื่อรู้ว่า ทอม ในชีวิตจริงก็ยังต้องต่อสู้กับ #Dyslexia หรือคำไทย ๆ เรียกว่า อาการบกพร่องทางการเรียนรู้ ที่ทำให้การอ่านและการเขียนไม่ปกติเหมือนคนทั่วไป
แล้วอย่างนี้ ทอม ใช้วิธีไหนในการอ่านบทภาพยนตร์กันล่ะ? โดยเฉพาะเรื่องล่าสุดที่ยาวกว่า 2 ชั่วโมงครึ่ง!

D Y S L E X I A  | โรคบกพร่องทางการเรียนรู้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความสามารถในการเรียนรู้ของคน โดยเฉพาะวัยเด็ก ลักษณะที่จะสังเกตได้คือทักษะการอ่านบกพร่องและสะกดคำผิดพลาดบ่อยกว่าคนปกติ เป็นความผิดปกติที่มาจากการทำงานของเซลล์สมองซีกซ้าย ซึ่งอาจมีความรุนแรงและชนิดที่แตกต่างกันไป บางคนมีความบกพร่องทางการสะกดคำอย่างรุนแรง หรืออาจจะอ่านได้แต่ไม่เข้าใจสิ่งที่อ่านหรือเขียนออกไป โดยความผิดปกติดังกล่าวจะมีปัญหาอย่างมากเมื่ออยู่ในวัยเรียน

การต่อสู้ในชีวิตจริงที่ไม่มีแสตนอิน กับ Dyslexia (โรคบกพร่องทางการเรียนรู้)

ทอม ครูซ นักแสดงชาวอเมริกันชื่อดังในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ Mission Impossible ซึ่งมีความผิดปกติทางด้านการเรียนรู้มาตั้งแต่เด็ก เขารู้ตัวเองว่ากำลังเผชิญกับความผิดปกติที่มีผลกระทบต่อการเรียนรู้อย่างร้ายแรงในวัยเพียง 7 ขวบเท่านั้น แม้ฐานะทางบ้านจะไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่ก็ได้รับการเอาใจใส่และให้การสนับสนุนอย่างเต็มขั้นจากแม่และน้องสาวเสมอ ทำให้ ทอม เอาชนะความบกพร่องที่มี จนประสบความสำเร็จสูงสุดในปัจจุบัน
เมื่อตอนที่ผมอายุประมาณ 7 ขวบ ผมได้ฉลากติดตัวว่าเป็น Dyslexic เพราะเมื่อผมจดจ่อกับสิ่งที่อ่านอยู่ไปจนสุดหน้ากระดาษ ผมแทบไม่เข้าใจอะไรที่อยู่ในนั้นเลย รู้สึกว่างเปล่า วิตกกังวล หงุดหงิด และโกรธ ขาของผมจะเจ็บ และปวดหัวตลอดในขณะที่ต้องเรียนหนังสือ เรื่องนี้เป็นความลับมาตลอด จนผมเข้าโรงเรียนใหม่ ผมพยายามปกปิดไม่ให้เด็กคนอื่นรู้เกี่ยวกับความบกพร่องในการเรียนรู้ของผม แต่ยังไงซะ ผมก็ถูกให้อ่านใหม่ซ้ำ ๆ อยู่ดี
เขายังกล่าวอีกว่า:

ทอม ครูซ

วัยเด็กของผมค่อนข้างเงียบเหงา ผมเป็นตัวประหลาด ที่คนอื่นสนุกกับการเยาะเย้ย มันทำให้ผมเหนื่อย และยอมรับการเย้ยหยันเหล่านั้นไปเงียบ ๆ

เส้นทางสู่ นักแสดงก้องโลก

ทอม เคยทำท่าทางเลียนแบบโฆษณาหนึ่งจนครอบครัวหัวเราะกันไม่หยุด และยังได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่อง Guys and Dolls แม่ของเขาเล็งเห็นศักยภาพนักแสดงที่มีอยู่เต็มเปี่ยมมาตลอดและสนับสนุนให้เขาไม่ยอมแพ้ จนกระทั่งจบการศึกษาในปี พ.ศ. 2523 แต่นั่นก็ไม่สามารถลบปมด้วย “ผู้ไม่รู้หนังสือ” ของเขาได้อยู่ดี จนวันหนึ่ง ทอม ได้อ่านบทความของ “แอลรอน ฮับบาร์ด” ในทฤษฎี “Study Technology” ซึ่งมันช่วยให้เขาเรียนรู้ได้ดีจนสังเกตได้ทีเดียว
ผมพยายามฝึกให้ตัวเองให้จดจ่อ จนผมสามารถสร้างภาพจำลองและเรียนรู้วิธีที่จะทำให้จิตของผมเข้าใจสิ่งที่ผมต้องอ่านมากขึ้น
ผมรักและภูมิใจในสิ่งที่ทำลงไป ผมไม่สามารถทำอะไรแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ ได้ เพราะถ้าผมทำอะไรสักอย่าง ผมจะทำมันสุดทาง

ทอม ครูซ

ในที่สุด ทอม ก็สามารถเอาชนะอุปสรรคที่เขามี และประสบความสำเร็จในสายอาชีพนักแสดงในที่สุด แทนที่จะอ่านบทภาพยนตร์ในระหว่างการออดิชั่น เขาเลือกที่จะคุยกับผู้กำกับและโปรดิวเซอร์ เพื่อให้เข้าใจในบทบาทนั้นดีขึ้น จนกระทั่งความุมานะนี้ทำให้เขาได้รับบทบาทเล็ก ๆ ใน “Endless Love” และ “Tops” ในปี 2524
ต่อมาในปี 2529 เมื่อได้รับบทบาท “นักบิน” ในเรื่อง “Top Gun” ทอม ครูซ ถูกพูดถึง และได้รับความสนใจอย่างมาก จนได้รับรางวัลนักแสดง ในเรื่อง “Rain Man” และ “ Born on the Fourth of July” ในเวลาถัดม และในปี 2540 เขาก่อตั้ง Hollywood Education and Literacy Project (HELP) เพื่อทำให้ “Study Technology” ที่ช่วยให้เขาเรียนรู้เข้าถึงผู้คนนับล้านทั่วโลก
ผมไม่ต้องการให้สิ่งที่ผมผ่านมาได้มันเปล่าประโยชน์ เด็ก ๆ ควรเรียนรู้อย่างเข้าใจ เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้พวกเขาแก้ไขปัญหาในชีวิตได้

ทอม ครูซ