สายลับเวดดิ้งเค้ก
สายลับเวดดิ้งเค้ก – เค้กแต่งงาน สำคัญไฉน? ทำไมต้องมีเวดดิ้งเค้ก
สายลับเวดดิ้งเค้ก
ฮันนาห์ ใน สายลับเวดดิ้งเค้ก กำลังจะแต่งงาน …แต่เอ เค้กแต่งงาน สำคัญไฉน แล้วทำไมต้องตัด เค้กแต่งงาน ร่วมไขข้อสงสัยไปพร้อมกันที่นี่ และไขคดีไปกับ สายลับเวดดิ้งเค้ก
“แต่ แด แด แด” ….งานแต่งที่ใด เป็นได้แค่คนทานเค้ก เพราะไม่ว่าจะงานไหน เห็นจะมีพิธีตัดเค้กแต่งงานของคู่สมรสให้เห็นจนชินตา (แม้ช่วงหลังมานี้จะเปลี่ยนเป็นรดน้ำต้นไม้มงคลบ้างแล้วก็ตาม) อ๊ะ เดี๋ยวก่อน …ก่อนที่จะจ้วงก้อนเค้กเข้าปากคำโต เคยสงสัยกันไหมว่า “ทำไมต้องมีเค้กในงานแต่งงานด้วย?”
สายลับเวดดิ้งเค้ก ขอแถลงไข
จริง ๆ แล้วเค้กแต่งงานนี้เป็นเค้กแบบดั้งเดิมที่ใช้เสิร์ฟในงานเลี้ยงต้อนรับหลังอาหารเย็น ในบางเมืองของประเทศอังกฤษ เค้กแต่งงานถูกเสิร์ฟในส่วนอาหารเช้า และถูกเรียกว่าเป็น “อาหารเช้าสำหรับงานแต่ง” แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องรับประทานกันตอนเช้า มันอาจเป็นช่วงเวลาใดก็ได้ในพิธีช่วงเช้า ซึ่งวัฒนธรรมตะวันตกนั้นจะจัดแสดงก้อนเค้กเอาให้อยู่ในส่วนหน้าทางเข้างาน และหน้าที่ตัดเค้กนั้นเป็นของแผนกต้อนรับ
.
หากกล่าวถึงความหมายโดยทั่วไป เค้กแต่งงานถูกจัดทำขึ้นเพื่อเสริมความโชคดีแก่แขกผู้มางานและคู่บ่าวสาว แม้ในปัจจุบันเค้กแต่งงานอาจมีไว้เพื่อ “ทำเป็นพิธี” เฉย ๆ และไม่ได้แจกจ่ายให้กับแขกทุกคนได้อย่างทั่วถึงก็ตาม แต่เค้กก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของงานแต่งงานเสมอ เนื่องจากค่าใช้จ่ายยิบย่อยมหาศาล เค้กบางงานถูกลดชั้นเค้กให้มีก้อนเค้กจริง ๆ เพียงชั้นแรกชั้นเดียว เอาไว้สำหรับประกอบพิธีเท่านั้น
.
.
เค้กแต่งงานมีหลายขนาด ขึ้นอยู่กับจำนวนแขกที่จะได้รับเค้ก พ่อครัวขนมเค้กและนักออกแบบเค้กมักสร้างสรรค์เค้กที่สะท้อนกลับไปยังบุคลิกของคู่บ่าวสาวให้มากที่สุด ด้วยเทคนิคและส่วนผสมหลักที่นิยมใช้ ได้แก่ Marzipan (มาร์ซิแพน) , Fondant (น้ำตาลฟองดองท์) , Gam Cream (น้ำตาลกัมเพส) , Buttercream (ครีมเค้ก) และ Chocolate (ช็อกโกแลต) เมื่อเจ้าของงานตกลงที่จะทำเค้ก การประมาณราคาจะขึ้นอยู่กับขนาดและส่วนประกอบที่ใส่ลงไป โดยพื้นฐานจะคำนวณราคา 1 ชิ้นต่อ 1 คน ซึ่งราคาอาจมีตั้งแต่ไม่กี่สิบบาทไปจนกระทั่งหลักพันต่อชิ้น ขึ้นอยู่กับพ่อครัวและนักออกแบบที่ได้รับการว่าจ้าง
.
โดยทั่วไปแล้วเค้กแต่งงานถือเป็นวัฒนธรรมป๊อป อันเป็นสัญลักษณ์ของสังคมตะวันตก ในสหรัฐอเมริกาเอง รายการเรียลลิตี้โชว์อย่าง Cake Boss ก็ฮอตจนหยุดไม่อยู่และมีแนวโน้มที่จะเป็นวัฒนธรรมป๊อปในไม่ช้า
.
-
วัฒนธรรมป๊อป หรือ วัฒนธรรมประชานิยม – วัฒนธรรมที่เป็นที่นิยมของผู้คนในสมัยนั้น เกิดจากการสื่อสาร และบอกต่อกันของผู้คนในจังหวะนั้น ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ทุกวันและปรากฏเป็นภาพลักษณ์ออกมา ทั้งอาหาร, การแต่งกาย, สื่อ, ดนตรี, กีฬา และ วรรณกรรม รวมถึงปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่ยึดถือและเชื่อกันอย่างไม่เป็นทางการ เป็นที่ชื่นชอบของคนจำนวนมากท่ามกลางวัฒนธรรมกระแสหลัก
ประวัติศาสตร์ชาติเค้กแต่งงาน
ก่อนศตวรรษที่ 18
.
.
เค้กแต่งงานในปัจจุบันมีวิวัฒนาการมาจากหลายเชื้อชาติหลากวัฒนธรรม และหนึ่งในวัฒนธรรมเก่าแก่อันเป็นต้นแบบของก้อนเค้กแสนหวาน เกิดขึ้นครั้งแรกในยุคกรุงโรมโบราณ จากการนำเค้กที่ทำมาจากข้าวสาลีโยนใส่ศีรษะของเจ้าสาว ด้วยความเชื่อที่ว่าจะนำพาโชคลาภและความมั่งคั่งมาสู่ชีวิตคู่
.
สมัยก่อนเค้กแต่งงานถือเป็นหนึ่งในลิสต์รายการของหรูหรา เป็นสัญลักษณ์เพื่อการเฉลิมฉลองและสร้างฐานะทางสังคม ยิ่งก้อนเค้กมีขนาดที่ใหญ่กว่า ชั้นสูงกว่า เป็นอันรู้กันถึงฐานะทางสังคมที่สูงขึ้น เค้กแต่งงานในอังกฤษและอเมริกายุคดั้งเดิมนั้นมักเป็นเค้กที่ทำมาจากผลไม้ ประดับตกแต่งด้วย มาร์ซิแพน และ เกล็ดน้ำตาลไอซิ่ง โดยสีขาวจากน้ำตาลไอซิ่งในสมัยยุควิกตอเรียบ่งบอกถึงความร่ำรวยและฐานะที่สูงส่ง ดังนั้นเค้กสีขาวล้วนบริสุทธิ์จึงเป็นที่ต้องการอย่างมาก ไม่ว่าใครก็อยากได้เค้กสีขาวในงานของตน อาจแตกต่างกันที่รสชาติและการตกแต่งก็เท่านั้น ซึ่งแต่เดิมนั้นนิยมใช้ก้อนเค้กสีขาวล้วนเกลี้ยงไม่ประดับตกแต่ง
-
มาร์ซิแพน (Marzipan) นิยมนำมาแต่งหน้าเค้กอย่างมาก ด้วยคุณสมบัติที่เหนียวคล้ายดินเหนียวจนสามารถปั้นรูปและสร้างสรรค์ชิ้นส่วนต่าง ๆ เพื่อตกแต่งหน้าเค้กได้ มาร์ซิแพนส่วนใหญ่ทำมาจากอัลมอนต์บดผสมเข้ากับน้ำตาล คลุกเคล้าเข้ากันจนให้รสหวานละมุน โดยมาร์ซิแพนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดอยู่ในประเทศเยอรมัน เป็น มาร์ซิแพนที่ห่อหุ้มด้วยช็อกโกแลตจากเมือง Lübeck
.
เริ่มมีการทำมาร์ซิแพนมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 10 สมัยนั้นเป็นขนมที่มีราคาแพงมาก และคนธรรมดาไม่ค่อยได้มีโอกาสทานเสียเท่าไหร่ จนในศตวรรษที่ 14 มาร์ซิแพนเริ่มแพร่หลายและเป็นที่นิยมมากขึ้น มักใช้เป็นของขวัญให้กับเจ้านายและผู้มีเกียรติชั้นสูง
.
มาร์ซิแพนนั้น หากเทียบกับขนมในไทยก็จะเทียบได้กับ “ลูกชุบ” ทางบ้านเรา เพราะมีคุณสมบัติที่สามารถปั้นได้คล้ายกัน
.
ทำไมต้องมีรูปปั้นคู่รักบนยอดเค้ก?
ในยุคกลางของอังกฤษ เค้กแต่งงานถูกกำหนดให้เรียงซ้อนกันให้สูงมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หรือพอดีกับมุมที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะจูบกันได้ตรงยอดเค้กพอดี เพราะการจูบกันได้สำเร็จบนยอดเค้ก จะหมายถึงการได้รับสิริมงคลและโชคดีไปด้วยกัน สาเหตุนี้เองในยุคถัดมาจึงมาการปั้นรูปปั้นเจ้าบ่าวเจ้าสาวจูบ-คล้องแขน หรือแสดงความรักต่อกันเพื่อวางประดับไว้บนยอดเค้ก
.
ทำไมเค้กต้องสูง?
ในปี 1703 Thomas Rich พนักงานฝึกหัดในร้านทำขนมปังแถบ Ludgate Hill ตกหลุมรักลูกสาวของนายจ้างและขอเธอแต่งงาน เขาต้องการทำเค้กที่หรูหราฟู่ฟ่าที่สุดในยุคนั้น จึงใช้ St Bride’s church บนถนนฟลีทในลอนดอนเป็นแรงบันดาลใจ เพราะฉะนั้นจึงเป็นความเชื่อที่สืบทอดกันมาว่าเค้กที่หรูหรามีระดับจะต้องสูงให้เหมือน St Bride’s church
.
เค้กแต่งงานในพิธีสมรสของ Queen Victoria
จาก “แก้วแหวน” สู่ “ช่อดอกไม้”
ตามธรรมเนียมดั้งเดิมนั้น เจ้าสาวจะต้องวางแหวนเอาไว้บนส่วนของก้อนเค้กเพื่อแสดงสัญลักษณ์การยอมรับข้อเสนอ ต่อมาในศตวรรษที่ 17 – 19 ได้มีการปรับเปลี่ยนที่ทางการวางแหวน อันเนื่องมาจากการวางแหวนบนชิ้นส่วนเค้กนั้นถือเป็นความหยาบคายและไม่สุภาพแก่แขกผู้มีเกียรติ พิธีการจึงถูกปรับโดยกำหนดแก้วสำหรับวางแหวนเอาไว้กลางขนมเค้ก หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า “แก้วแหวน” ประเพณีดังกล่าวถูกปรับเปลี่ยนเรื่อยมา จนสุดท้าย “แก้วแหวน” หายไป และ “ช่อดอกไม้” มาแทนที่
.
เค้กเจ้าบ่าว VS เค้กเจ้าสาว
ในยุคศตวรรษที่ 17 มีการทำเค้กขึ้นมา 2 ประเภท คือ เค้กเจ้าบ่าว และ เค้กเจ้าสาว เค้กเจ้าบ่าวคือเค้กที่มีสีเข้มกว่า ทำจากผลไม้เข้มข้นนานาชนิดและมีขนาดเล็กกว่าเค้กของเจ้าสาว ส่วนเค้กของเจ้าสาวเป็นเค้กปอนด์ง่าย ๆ โรยน้ำตาลไอซิ่งสีขาว เพราะสีขาวนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ ต่อมาในศตวรรษที่ 19 เนื่องจากเค้กของเจ้าสาว มีกระบวนการผลิตที่ง่ายกว่า ประเพณีเค้กเจ้าบ่าวจึงค่อย ๆ หมดความนิยมและตายจากไป แต่นั่นทำให้น้ำตาลไอซิ่งสีขาวมีราคาสูงขึ้นเป็นเท่าตัว จึงมีแต่ครอบครัวที่ร่ำรวยเท่านั้นที่มีกำลังทรัพย์พอจะสั่งเค้กสีขาวบริสุทธิ์แบบนั้นได้ เช่น เมื่อสมเด็จพระราชินีวิกตอเรียใช้ไอซิ่งสีขาวประดับประดาบนก้อนเค้กของเธอทั้งก้อน
.
-
เชื่อกันว่าเค้กผลไม้นั้นเป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์และมั่งคั่ง เนื่องมาจากผู้ชายที่แต่งงานแล้วในสมัยก่อนต้องการมีบุตรมาก เค้กผลไม้จึงเสริมความเป็นสิริมงคลดังกล่าว
สัญลักษณ์และความเชื่อแห่งเค้กแต่งงาน
เค้กแต่งงานในพิธีเสกสมรสของ Meghan Markle และ Prince Harry
.
“สีขาว” ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องจากพิธีเสกสมรสของ สมเด็จพระราชินีวิกตอเรีย กับ เจ้าชายอัลเบิร์ต ในปี 1840 โดยพระราชินีเลือกสวมชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์และใช้ก้อนเค้กสีขาวล้วนเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงพระราชินีที่งดงามบริสุทธ์
.
(ซ้าย) เค้กแต่งงานในพิธีสมรสของ John F. Kennedy และ Jacqueline Bouvier Kennedy (ขวา) เค้กแต่งงานในพิธีเสกสมรสของ Queen Victoria
.
การตัดเค้กเป็นส่วนสำคัญของงานแต่งงาน แต่เดิมนั้นเค้กจะถูกตัดแจกจ่ายให้กับแขกที่มาร่วมงานโดยเจ้าสาว แต่ต่อมาเมื่อจำนวนแขกมากขึ้น ด้วยจำนวนชิ้นเค้กเป็นร้อยเป็นพันมันมากเกินกว่าที่คนใดคนหนึ่งจะตัดไหว พิธีการตัดเค้กจึงต้องใช้เวลามากขึ้น รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นตามจำนวนชั้นเค้ก เจ้าบ่าวจึงมีบทบาทช่วยเหลือในกระบวนการนี้และมีการสร้างเค้กหลอกขึ้นมาเพื่อลดค่าใช้จ่ายดังกล่าว
.
เค้กแต่งงานถูกโอบอุ้มด้วยความเชื่อ เช่น งานแต่งงานในอเมริกันแบบดั้งเดิม สาว ๆ ผู้ร่วมงานจะได้รับเชิญให้ดึงริบบิ้นที่ยึดติดกับชั้นล่างของเค้กแต่งงาน โดยจะมีแหวนหรือสิ่งมงคลซ่อนอยู่ เชื่อว่าใครก็ตามที่ได้รับแหวนจะได้เป็นคนต่อไปที่จะแต่งงานหรือสมหวังในรัก (ภายหลังปรับเปลี่ยนมาเป็นช่อดอกไม้)
.
พิธีการดึงริบบิ้น
.
ส่วนในประเทศอื่น ๆ มีทั้งการนำเค้กโยนใส่ศีรษะของเจ้าสาว เพื่อให้แน่ใจว่าได้รับพรทั้งความโชคดีและอุดมสมบูรณ์ บางคนคิดว่าการได้ทานเค้กแต่งงานจะทำให้พวกเขาโชคดี เพราะเค้กแต่งงานถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความสุขและการเริ่มต้นชีวิตคู่ที่ดี นอกจากนี้ยังมีความเชื่อที่เกี่ยวกับเพื่อนเจ้าสาว ว่ากันว่าหากเพื่อนเจ้าสาวคนใดนำชิ้นส่วนของเค้กกลับบ้านและวางมันไว้ใต้หมอน จะโชคดีในความรัก
.
ในศตวรรษที่ 18 มีความเชื่อว่าคู่บ่าวสาวจะต้องเก็บเค้กแต่งงานเอาไว้ให้ครบปีเหมือนเป็นเครื่องรางป้องกันปัญหาชีวิตคู่ในอนาคต นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเค้กในยุคนั้นจึงทำมาจากผลไม้ผสมไวน์
.
ฮันนาห์กำลังจะแต่งงาน! ทุกอย่างหวานหอมจนกระทั่งมีคนถูกฆ่า … เมื่อคดีฆาตกรรมซับซ้อนหลายชั้นกว่าเค้กวิวาห์ แล้วฮันนาห์จะทำอย่างไร? ร่วมสืบสวนคดีฆาตกรรมสุดหอมหวนไปกับ “สายลับเวดดิ้งเค้ก” หนึ่งในซีรีส์ Hannah Swensen ลำดับที่ 19 ที่หวานละมุน กรุ่นรัก พร้อมเสิร์ฟสำหรับคอสืบสวน Wedding Cake Murder โดย Joanne Fluke จากสำนักพิมพ์ Longdo หาซื้อได้ที่ MBOOKSTORE
.
ติดตามข่าวสารและซื้อหนังสือออนไลน์ผ่าน mbookstore
MTHAI BOOK | อ่านสนุก ทุกวัน ทันกระแส
Sources:
-
Wedding Cake – A Slice of History
-
Different types of wedding cakes
-
London St Bride’s Church inspired wedding cake tradition
-
The History of the Wedding Cake and Cake Toppers
-
Wedding Cakes, Loaves and Pies
-
Wedding Cakes: The Myths and Magic of Matrimony
-
The eight-tiered Royal Wedding cake decorated with 900 sugar-paste flowers (with a secret symbolic meaning)…