สงกรานต์นี้อ่านอะไรดี? แนะนำหนังสือที่อ่านแล้วหายร้อน

สงกรานต์นี้อ่านอะไรดี?
.

สงกรานต์นี้อ่านอะไรดี? แนะนำหนังสือที่อ่านแล้วหายร้อน

ก่อนที่จะไปดูหนังสือที่ช่วยให้คลายร้อนในช่วงสงกรานต์ เรามาอ่านประวัติวันสงกรานต์แบบย่อๆกันก่อนดีกว่า

ประวัติวันสงกรานต์

ขอบคุณรูปจาก shopback
.

สงกรานต์เป็นคำสันสกฤต หมายถึง “การเคลื่อนย้าย” ซึ่งเป็นการอุปมาถึงการเคลื่อนย้ายของการประทับในจักรราศี คือการเคลื่อนขึ้นปีใหม่ในความเชื่อของไทยและบางประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
.
สงกรานต์สืบทอดมาแต่โบราณคู่กับตรุษ จึงเรียกรวมกันว่า ประเพณีตรุษสงกรานต์ หมายถึง ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เดิมวันที่จัดเทศกาลกำหนดโดยการคำนวณทางดาราศาสตร์ แต่ปัจจุบันระบุแน่นอนว่า 13 ถึง 15 เมษายน วันขึ้นปีใหม่ไทยเป็นวันเริ่มปีปฏิทินของไทยจนถึง พ.ศ. 2431 จากนั้นวันที่ 1 เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่จนถึง พ.ศ. 2483
.
พิธีสงกรานต์เป็นพิธีกรรมที่เกิดขึ้นในสมาชิกในครอบครัว หรือชุมชนบ้านใกล้เรือนเคียง แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนไปสู่สังคมวงกว้าง ในความเชื่อดั้งเดิมใช้สัญลักษณ์เป็นองค์ประกอบหลักในพิธี ได้แก่ การใช้น้ำเป็นตัวแทน แก้กันกับความหมายของฤดูร้อน ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์เคลื่อนเข้าสู่ราศีเมษ ใช้น้ำรดให้แก่กันเพื่อความชุ่มชื่น มีการขอพรจากผู้ใหญ่ การรำลึกและกตัญญูต่อบรรพบุรุษที่ล่วงลับ
.
สังคมไทยสมัยใหม่เกิดประเพณีกลับบ้านในเทศกาลสงกรานต์ นับวันสงกรานต์เป็นวันครอบครัว ในพิธีเดิมมีการสรงน้ำพระที่นำสิริมงคล เพื่อให้เป็นการเริ่มต้นปีใหม่ที่มีความสุข

หลังจากที่ได้รดน้ำ ขอพรจากผู้ใหญ่กันเเล้ว เวลาว่างเราก็แอบไปอ่านหนังสือน่าอ่านช่วยคลายร้อนที่จะมาแนะนำช่วงเทศกาลสงกราต์นี้

ขอบคุณรูปจาก หมอดูดวง ณ เอ็มไทย

All about Clouds เล่มนี้มีเมฆมาก

เมื่ออ่านเล่มนี้แล้วมองท้องฟ้าคุณจะเห็นอะไร?

เริ่มกันด้วยเล่มแรกแค่เห็นชื่อเรื่องเราก็รู้สึกถึงความผ่อนคลายแล้วนะ
.
ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ นักวิทยาศาสตร์‘ผู้หลงไหลในมวลเมฆ’ รวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องเมฆไว้ครบทุกอย่างในหนังสือเล่มนี้ ‘All about Clouds เล่มนี้มีเมฆมาก‘
.

ทั้งความรู้ตามหลักการอุตะนิยมวิทยา รายละเอียดของเมฆแต่ละชนิด หรือกระทั่งกลวิธีในการเก็บภาพ รวมถึงเกร็ดทางวัฒนธรรมและตำนานพื้นบ้านเกี่ยวกับลม ฟ้า อากาศ หนังสือเล่มนี้จึงเหมาะสำหรับผู้สนใจเมฆตั้งแต่ระดับ beginners ไปจนถึงคนหายใจเข้าออกเป็นเมฆระดับ cloud nerd กันเลยทีเดียว
.

ในมือเธอมีดอกทานตะวัน

“สิ่งใดกันเล่า จะแข็งแกร่งกว่าหัวใจคนเรานี้ที่แหลกสลาย ซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่ยังไม่ตาย”

เล่มที่ 2 มาปาดน้ำตากันซักหน่อยด้วย ผลงานลำดับที่ 2 ของ “รูปี กอร์” นั่นคือ “ในมือเธอมีดอกทานตะวัน” จะโอบกอดและรู้สึกอบอุ่นแค่ไหนกันนะ

จากความรวดร้าว หลงรัก เลิกรา และเยียวยา ใน “ปานหยาดน้ำผึ้ง” ผลงานแรกอันสร้างชื่อให้กับ “รูปี กอร์” นักเขียนสาวชาวแคนาดาเชื้อสายอินเดีย ผู้ได้ชื่อว่าเป็นกระบอกเสียงสำคัญของผู้หญิงยุคใหม่ สู่ตัวตนที่เติบโตขึ้นและพร้อมจะพาทุกคนเติบโตไปด้วยกัน เช่นดอกไม้ที่ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านวัฏจักรของการแห้งเหี่ยว ร่วงโรย หยั่งราก แล้วจึงงอกเงย ผลิดอกบาน ผ่านผลงานลำดับที่ 2 ของเธอ “ในมือเธอมีดอกทานตะวัน”

สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ “ในมือเธอมีดอกทานตะวัน” สะท้อนให้เห็นการเติบโตของผู้หญิงคนหนึ่งในฐานะมนุษย์ที่พยายามทำความเข้าใจโลกมากขึ้น แต่ยังคงยืนหยัดในความคิดของตนเองว่า ผู้หญิงมีความสามารถที่จะเป็นเจ้าของความรักหรือปล่อยมันไปได้อย่างเสรี และหวังว่าความคิดและความหวังที่รูปี กอร์ ได้ปลูกผ่านหนังสือเล่มนี้ จะผลิดอกงดงามราวกับเสียงเต้นของหัวใจในโมงยามแห่งความรัก

วันหนึ่งเราจะพบคนที่เข้ามาและไม่จากไป

“ถ้าบอกว่าการไม่ร้องไห้ หมายถึงการเติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างสมบูรณ์แบบ ฉันคงเป็นเด็กตลอดไป”

ผลงานจาก 1991 x ONCE (คุณ) ที่จะได้พบกับความเรียงของ ความรักที่ไม่ชัดเจนของคนยุคใหม่ เพิ่อเพิ่มความปลอบโยนให้จิตใจเรา ด้วยหนังสือ “วันนหนึ่งเราจะพบคนที่เข้ามาและไม่จากไป“

ด.

ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ถ้ามันจริง มันมีความหมายเสมอ เราเป็นนักรอที่เก่ง พอๆ กับการเป็นนักอดทน แต่คงจะดีกว่านี้ถ้าเราอดทนให้ถูกเรื่องและเฝ้ารอให้ถูกคน สุดท้ายน่ะเหรอ เราก็ชอบความสัมพันธ์ที่ชัดเจน มีความสุขอย่างชัดเจน หรือถ้าต้องผิดหวัง นั่นก็ผิดหวังอย่างชัดเจน

ความเรียงว่าด้วยความรู้สึกที่มีต่อสิ่งที่พบเจอที่บุบสลายและต้องสร้างกลับมาใหม่ เพื่อออกไปเผชิญหน้ากับปัญหาในแต่ละวัน ก่อนที่จะจบวันแบบพังๆ และเริ่มต้นใหม่วนลูปไปทุกวัน เคยไหม…อยากเริ่มต้นกับสิ่งใหม่ แต่ก็ยังอยากให้อะไรๆ เหมือนเดิมอยู่

Don’t Get My Heart Hurt อย่าให้ใจเราเจ็บ

เคยไหม…อยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย แต่ในใจกลับรู้สึกโดดเดี่ยว

Don’t Get My Heart Hurt อย่าให้ใจเราเจ็บ หนังสือให้กำลังใจเล่มใหม่ล่าสุดจาก ‘Springboks’ ที่เราจะไปพบกับ เจ้ากระต่ายเหลืองที่นำเสนอกับปัญหาสารพัดที่ผลัดเปลี่ยนเข้ามา ถ้าได้อ่านไปเรื่อยๆเริ่มยิ่งรู้สึกว่า เจ้ากระต่ายเหลืองก็คือตัวเราเองนี่แหละ

ช่วงเวลานั้นช่างมืดมน เราไม่แม้แต่คิดว่าควรทำอย่างไรต่อ และไม่รู้สึกเจ็บด้วย เราอยากรู้ว่าหัวใจเริ่มหนักอึ้งตอนไหน ร้าวราญตอนไหน ทำไมถึงร่วงหล่น อย่างไรก็ตามอันดับแรกเราต้องตรวจดูก่อนว่าใจหลุดหล่นมากน้อยเท่าไร หยิบชิ้นส่วนหัวใจบนพื้นใส่เข้าที่เดิมสิ ใส่ยาฆ่าเชื้อแล้วพิถีพิถันทายา “”รักตัวเอง“”

ไม่ให้สภาพบาดแผลเป็นหนักกว่าเดิม เอาละ ตอนนี้หัวใจกับร่างกายจะติดผสานกันดี แล้วก็ต้องเย็บหลายเข็มด้วย ตอนแรกอาจเจ็บจนขบฟันกรอด แต่เมื่ออดทนไหว หัวใจจะติดสมานตำแหน่งเดิมมั่นคงเมื่อเวลาผ่านไป คงเหลือเพียงรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ ต้องขอบคุณด้วยซ้ำที่เตือนให้เราจดจำได้ว่าเคยมีบาดแผลใหญ่ขนาดนี้

สูญเสียแค่ไหน ก็ไม่เสียศูนย์ How to Fix A Broken Heart

เยียวยาหัวใจที่กำลังพังทลาย ก่อนที่ชีวิตจะสลายไปกับมัน

ภาวะใจสลายนั้นมีอยู่จริง มันทำให้เราคิดอะไรไม่ออก ซึมเศร้า ไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น และบ่อยครั้งที่เราไม่สามารถทำอย่างอื่นได้นอกจากนั่งนิ่งๆ แล้วรับรู้เพียงความเจ็บปวดและความเศร้าโศกจากการสูญเสีย ภาวะใจสลายสามารถอยู่กับเราได้เป็นวัน เป็นเดือน และกระทั่งเป็นปีๆ

แม้เราจะพบภาวะนี้อยู่ทั่วทุกหนแห่ง ทั้งที่เกิดจากอกหักเพราะความรักหรือความสูญเสียอื่น แต่เราก็แทบไม่รู้วิธีการรับมือมันเลย แม้ว่าใจของเราจะสลาย แต่ไม่จำเป็นเลยที่ชีวิตของเราต้องสลายไปกับมัน เราสามารถควบคุมชีวิตจิตใจของเราแล้วเดินไปบนเส้นทางการเยียวยาได้

และ How to Fix a Broken Heart ซึ่งเขียนโดยนักจิตวิทยา กาย วินช์ เล่มนี้จะนำเสนอเครื่องมือสำหรับรับมือกับภาวะใจสลายนั้นและวิธีการในการก้าวเดินต่อไป