8 การเดินทางในสายวรรณกรรมของจอห์น สกัลซี (John Scalzi)

          ต้อนรับที่หนังสือ LOCK IN นิยายแปลเหนือจินตนาการกำลังจะถึงมือผู้อ่านในเร็วๆ นี้ เราเลยอยากให้นักอ่านทุกท่านรู้จักนักเขียนเรื่องนี้ให้มากขึ้นกับ จอห์น สกัลซี (John Scalzi) ที่หลายคนมองว่า เขาเป็นเจ้าพ่อเรื่องแต่งแนววิทยาศาสตร์ หรือเป็นพ่อมดแห่งโลกไซ-ไฟที่ไม่มีใครเทียบได้ แต่ถ้าหากให้มองลึกไปถึงประวัติชีวิตของเขาแล้ว เบื้องหลังพ่อมดแห่งวงการน้ำหมึกคนนี้ มีชีวิตที่ไม่ธรรมดา เต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจ และควรค่าแก่การบอกต่อเป็นที่สุด
          เราเลยไม่รอช้าที่จะสรุปไทม์ไลน์ชีวิต และเดินสำรวจเส้นทางในสายวรรณกรรมของเขา ที่พอคุณได้อ่านแล้วจะต้องทึ่ง จนอยากซื้อ LOCK IN มาอ่านซะเดี๋ยวนี้เลย

          วัยเด็กของสกัลซี
          แค่ชีวิตวัยเด็กก็น่าสนใจแล้ว เพราะสกัลซีเติบโตมาในการเลี้ยงดูของคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว มีสมาชิกพี่น้องและนับตัวเองเข้าไปด้วยรวม 3 คน เขามีเชื้อสายอิตาเลียนที่ติดตัวมาจากคุณปู่ ซึ่งคุณปู่อพยพจากถิ่นเมืองพิซซ่า มาสู่ดินแดนแห่งเสรีภาพอย่างสหรัฐอเมริกา เขายอมรับว่า ชีวิตวัยเด็กค่อนข้างยากจนและแร้นแค้น ถึงขนาดนำประสบการณ์และเรื่องของตัวเองที่ผ่านมา เขียนเป็นความเรียงหัวข้อ Being Poor ชิงทุนการศึกษาให้ได้เรียนต่อในโรงเรียน และเขาก็ทำสำเร็จ ได้เข้าเรียนสมใจ ในโรงเรียนประจำอย่าง The Webb School of California ณ เมือง Claremont

          ลิขิตการเขียนด้วยการโยนหัวก้อย
          สกัลซีสะสมทุนการเขียนของตัวเอง ด้วยการอ่านนิยายแนววิทยาศาสตร์ รวมถึงแนวลึกลับที่เขาชอบเป็นพิเศษ หลายคนมองว่า ทำไมไม่เขียนนิยายทั้ง 2 แนวไปเลย เขาเล่าเหตุผลให้ฟังอย่างติดตลกในเว็บไซต์ Dayton Daily News ว่า
          “ที่ตัดสินใจเริ่มเขียนนิยาย ผมอยากเริ่มจากแนวที่ตัวเองรู้และรักในฐานะผู้อ่าน ผมเลยตั้งต้นเขียนจากการอ่าน 2 แนวนี้ แต่ไม่รู้ว่า จะเริ่มจากแนวไหนก่อน ระหว่างวิทยาศาสตร์หรือลึกลับ ผมเลยใช้วิธีเลือกที่คลาสสิกที่สุด โยนหัวก้อย หัวเป็นแนววิทยาศาสตร์ ก้อยเป็นแนวลึกลับ ผมดีดเหรียญขึ้นฟ้า ปรากฏว่า เหรียญออกมาเป็นหัว ผมเลยกลายเป็นนักเขียนนิยายแนววิทยาศาสตร์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ดูตลกเนอะ”

          สกัลซี ผู้สวมหมวกหลายใบ
          หลังจบการศึกษาด้านปรัชญา จากมหาวิทยาลัยชิคาโกในปี พ.ศ. 2534 เขาสวมหมวกหลายใบมาก คือทำอาชีพมาอย่างหลากหลาย เช่น ที่ปรึกษาด้านธุรกิจ คอลัมนิสต์ โดยเขียนตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ อย่างเรื่องการเงิน วิดีโอเกม ดาราศาสตร์ และการเมือง สกัลซีเขียนมาหมดแล้ว และหมวกอีกใบหนึ่งที่นักอ่านหลายคนต่างติดใจและยอมรับในฝีมือของเขา ว่าเขียนออกมาได้อย่างมีอารมณ์ขันและจับใจที่สุด นั่นคือ หมวกของนักวิจารณ์ภาพยนตร์ จนมาถึงในปี พ.ศ. 2541 สกัลซีผันตัวเองมาเป็นนักเขียนอิสระ และมุ่งสร้างสรรค์ผลงานตัวเองแบบเต็มเวลา

          whatever.scalzi.com
          เว็บนี้เป็นเว็บบล็อกส่วนตัวของสกัลซีที่เริ่มเขียนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2541 พื้นที่แห่งนี้เป็นเหมือนสนามทดลองการเขียนในรูปแบบต่างๆ ของสกัลซีเลยก็ว่าได้ เช่น ข่าว คอลัมน์ บทวิจารณ์ ฯลฯ หรือแม้กระทั่งนิยายตัวเอง เขาก็โพสต์ลงในนี้ อย่างนิยายเรื่องแรก Agent to the Stars สกัลซีเริ่มเขียนเมื่อปี พ.ศ. 2540 ลงให้อ่านฟรีบนเว็บไซต์เมื่อปี พ.ศ. 2542
          ตอนนั้นสกัลซีนึกแคมเปญสนุกๆ ให้ผู้อ่านบริจาคเงินกันมา หากผู้อ่านถูกใจนิยายเรื่องนี้ และอยากให้เขียนต่อไป แคมเปญของเขาได้เสียงตอบรับจากนักอ่านอย่างท่วมท้น ด้วยเงินจำนวน 4,000 เหรียญในช่วงเวลา 5 ปี และนิยาย Agent to the Stars ก็ถูกตีพิมพ์เป็นปกแข็งแบบจำนวนจำกัดขึ้นในปี พ.ศ. 2548

          สกัลซี กับนิยายที่ตีพิมพ์เป็นทางการ
          Old Man’s War นิยายวิทยาศาสตร์เล่มแรกของสกัลซีที่ได้ถูกตีพิมพ์อย่างเป็นทางการขึ้นในปี พ.ศ. 2548 เนื้อเรื่องเล่าถึงชายวัย 75 ปีที่ถูกคัดเลือกให้ต่อสู้กับสงครามที่ยาวนานตลอดชีวิตของผู้ชายคนนี้ ขณะนั้นเขามองว่า นิยายแนววิทยาศาสตร์ทหาร กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดนักอ่านอย่างยิ่ง ซึ่งเขาก็มองขาดจริงๆ เพราะนิยายเล่มนี้ได้รับความนิยมและประสบความสำเร็จสูงสุด
          จากความสำเร็จนี้ สกัลซีจึงได้รับรางวัลนิยายไซ-ไฟ จอห์น ดับบลิว แคมพ์เบล (John W. Campbell) ในสาขานักเขียนหน้าใหม่ยอดเยี่ยม และถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Hugo Awards สาขานิยายยอดเยี่ยมในปี พ.ศ. 2549 แต่เรื่องนี้มีอันต้องชวดรางวัลไป ซึ่งไม่เป็นไร เขากลับมาอีกครั้งกับนิยายเรื่อง Redshirts ในปี พ.ศ. 2556 ที่ชนะรางวัล Hugo Awards สาขานิยายยอดเยี่ยมในที่สุด ถือเป็น 7 ปีแห่งการบ่มเพาะการเขียนให้สุกงอมและออกดอกผลที่สวยงามให้เขาอย่างแท้จริง

          สกัลซี กับบทบาทที่ปรึกษาซีรีส์โทรทัศน์
          เป็นนักวิจารณ์ก็ดี เป็นนักเขียนก็ได้ แต่สกัลซีไม่หยุดอยู่เพียงแค่นั้น เขายังก้าวกระโดดไปเป็นที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์ให้กับซีรีส์โทรทัศน์อีกด้วย เรียกได้ว่า เก่งแบบสุดๆ โดยรับหน้าที่เป็นครีเอทีฟในการดูแลเรื่องราวและภาพรวมของซีรีส์โทรทัศน์เรื่อง Stargate Universe ทั้งหมด ซึ่งซีรีส์เรื่องนี้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับประตูมิติแห่งอวกาศที่จะเชื่อมโยงโลกไปยังจักรวาลอื่นๆ แต่ประตูมิติดังกล่าวถูกรบกวนจากพวกต่างดาว หน่วยงานพิทักษ์จึงต้องรักษาประตูมิตินี้ไว้จากศัตรูตัวฉกาจเหล่านั้น Stargate Universe มีทั้งหมด 39 ตอน และชื่อของสกัลซีอยู่ในเครดิตทุกตอน ในฐานะที่ปรึกษาเนื้อหา

          ประธานนิยายวิทยาศาสตร์และแฟนตาซี
          ชีวิตของเขาไม่ธรรมดาอีกครั้ง เพราะในปี พ.ศ. 2553 สกัลซีถูกเลือกให้เป็นประธานนิยายวิทยาศาสตร์และแฟนตาซีแห่งสหรัฐอเมริกา ด้วยมติเป็นเอกฉันท์จากผู้ท้าชิงทั้งหมด แต่กว่าจะมายืนตรงจุดนี้ได้ เขาเองก็ล้มลุกคลุกคลานไม่น้อย ด้วยการลงสมัครเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งเมื่อปี พ.ศ. 2550 แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ จนมาในปี พ.ศ. 2553 ที่ความสามารถของสกัลซีเปล่งประกาย และเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาทุกคน ตำแหน่งนี้จึงตกเป็นของเขาในที่สุด ด้วยวาระการดำรงตำแหน่ง 3 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553-2556 หลังจากนั้นเขาไม่ลงสมัครในตำแหน่งนี้อีก เหตุเพราะเปิดโอกาสให้น้องๆ รุ่นใหม่ได้ขึ้นมาแสดงศักยภาพของตัวเองบ้าง

          สัญญา 10 ปีของสกัลซี
          ปี พ.ศ. 2558 สกัลซีทำสัญญากับสำนักพิมพ์ Tor Book ในการตีพิมพ์นิยายของเขาจำนวน 13 เรื่อง ในระยะเวลา 10 ปี แม้ว่าสำนักพิมพ์นี้จะโดดเด่นเรื่องนิยายวิทยาศาสตร์และแฟนตาซีก็ตาม แต่ดูจากสภาพการณ์สื่อสิ่งพิมพ์ในตอนนี้ ที่นับวันจะอ่อนระโหยโรยแรงลงไป นักอ่านหลายคนกังวลว่า สกัลซีเลือกผูกมัดกับที่ใดที่หนึ่งมากเกินไป แต่เขาเองกลับมองว่า ธุรกิจนี้ยังคงมีหวัง ตราบที่ทุกคนยังคงสร้างสรรค์เรื่องราวอันน่าตื่นเต้นและดึงดูดใจผู้อ่านอยู่ ซึ่งนี่เป็นโอกาสทองที่จะทำให้นักอ่านทุกคนหันมาสนใจและเห็นผลงานหนังสือมากขึ้น
          สกัลซียังทิ้งท้ายอีกว่า การเติบโตของภาพยนตร์ ซีรีส์โทรทัศน์ และวิดีโอเกมในระยะยาว ต่างต้องการพึ่งเรื่องราวไซ-ไฟแทบทั้งนั้น ดังนั้นเขาเชื่อว่า อีก 20 ปีและในอนาคตข้างหน้า งานแนววิทยาศาสตร์และแฟนตาซี จะยังอยู่คู่กับผู้อ่านต่อไปเรื่อยๆ ได้อีกยาวนานแน่นอน

          ไทม์ไลน์ชีวิตและมุมความคิดของเขาดีจนอยากหา LOCK IN มาอ่านแทบจะในทันทีทันใด อีกทั้งเราเองก็เชื่อเช่นเดียวกับสกัลซีว่า คุณภาพของเนื้อหา จะเป็นตัวชี้วัดความอยู่รอดของสื่อสิ่งพิมพ์ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป
          ขอให้กำลังใจให้กับผู้สร้างสรรค์และผลิตหนังสือดีๆ ทุกคน
          สามารถเป็นเจ้าของ LOCK IN ได้แล้ววันนี้ที่ store.mbookstore.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Copyright © 2016 MThai.com All rights reserved. หมายเลขทะเบียนการค้าอิเล็กทรอนิกส์ : 0127114707040