‘เวลาเรามีเป้าหมาย ไม่ต้องมีความสุขตลอดก็ได้ การมีเป้าหมายมันคือความพึงพอใจในอีกรูปแบบหนึ่ง’ นี่คือหลักแนวคิดที่ ‘รวิศ หาญอุตสาหะ’ ใช้มาตลอด และหากพูดถึงธุรกิจของเขานั่นคือ ‘แป้งหอมศรีจันทร์’ หลายคนคงจะคุ้นเคยกันอยู่บ้าง เพราะเป็นแบรนด์เครื่องสำอางที่ผลิตโดยฝีมือคนไทย แต่ก่อนหน้านี้อาจยังไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร และเขานี่แหละ คือคนที่เข้ามาพลิกโฉมธุรกิจนี้ให้กลายเป็นที่นิยมได้
คุณรวิศใช้วิธีการจัดโร้ดโชว์แจกสินค้าให้ลูกค้าได้ทดลองใช้ฟรี เพื่อหาลูกค้าใหม่ ซึ่งเป็นแนวคิดของการวางแผนการตลาดที่จะช่วยให้เข้าถึงลูกค้าได้ง่ายและสะดวกที่สุด อีกทั้งยังมีการเพิ่มจุดขายบนเชลฟ์ในร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศอีกด้วย
สิ่งที่จะทำให้ประสบความสำเร็จก็คือ จะต้องทำในสิ่งที่ถนัด ทำอะไรที่เป็นไทย แล้วอยากเห็นสินค้าอยู่คู่คนไทยไปนานๆ ให้เหมือนกับแป้งเย็นตรางู หรือยาหม่องตราถ้วยทอง เป็นต้น
คุณรวิศมักจะมีคติส่วนตัวว่า ก่อนจะทำอะไรต้องรู้จักวางแผนและมีวินัย นอกจากนี้หากต้องการจะเปลี่ยนแปลงอะไรก็จะต้องมีเหตุผล ทำให้รวิศต้องหาข้อมูลดีๆ จากแหล่งความรู้ต่างๆ และยังวางแผนการตลาดโดยการทำเว็บไซต์และทวิตเตอร์เพื่อให้ลูกค้าได้ติดตามข่าวสารได้ง่ายขึ้น
การรีแบรนด์ไม่ใช่แค่ในส่วนงานโฆษณาหรือการสร้างแพ็กเกจจิ้งเพียงอย่างเดียว หากแต่ต้องลงลึกถึงแผนการตลาด และตัวผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีในราคาที่ลูกค้าซื้อได้ แม้จะมีการรีแบรนด์ทั้งหมด และไม่ว่าโฆษณาจะดีแค่ไหน หรือแพ็กเกจจะสวยเท่าไร หากผลิตภัณฑ์ไม่ดีก็คงไปไม่รอดเหมือนกัน
คุณรวิศมีแนวคิดที่จะพัฒนาสูตรสินค้าให้ดียิ่งขึ้น จึงลงทุนให้ทีมงานทำการคิดค้นสูตรแป้งใหม่ๆ ที่เป็นแบบควบคุมความมัน พร้อมกับหาพัฟเนื้อดีจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีคุณภาพเดียวกันกับที่แบรนด์ระดับโลกเลือกใช้ และทำการออกแบบบรรจุภัณฑ์ รวมถึงแพ็กเกจใหม่จนแทบไม่เหลือเค้าเดิม
ถ้าหากมัวแต่ปฏิเสธความรับผิดชอบ จะทำให้เราไม่กล้ารับผิดชอบอะไรเลย การเอาชนะความกลัวเป็นเรื่องยากที่สุด ต้องใช้เวลา และค่อยๆ สะสมเพื่อต่อสู้กับความกลัวและเอาชนะใจตัวเองมากขึ้น
การอ่านและการแลกเปลี่ยนความคิดกับผู้อื่น รวมถึงการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ในทุกวัน คือบันไดอีกหนึ่งขั้นของความสำเร็จ เพราะนอกจากจะช่วยสร้างแนวคิดใหม่ๆ ที่เป็นต้นกำเนิดของแรงบันดาลใจแล้ว ยังทำให้เขาเป็นคนไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคใดๆ อีกด้วย
หากได้อะไรจากหนังสือเพียงแค่ประโยคเดียวก็ทำให้เพียงพอแล้ว เพราะคำพูดนี้ทำให้เขาเกิดแนวคิด และได้แรงบันดาลใจหรือมีทัศนคติคือ ไม่ค่อยยอมแพ้อะไรง่ายๆ แม้กระทั่งการรีแบรนด์สินค้าของตัวเอง เขาก็ได้จุดประกายมาจากคำของ ‘สตีฟ จ็อบส์’ จากการที่ได้อ่านเจอในหนังสือชีวประวัติในคำพูดที่ว่า ‘ต้องทำคอมพิวเตอร์ที่ดีและบางที่สุด โดยไม่ต้องไปสนใจว่าต้นทุนเท่าไร’
เมื่อคิดบวก จะทำให้เราเชื่อว่าสิ่งที่ทำอยู่เป็นสิ่งที่ดี และมันจะค่อยๆ สอนให้รู้ว่าฉันก็ทำได้ จะเกิดความภูมิใจในตัวเอง และจะมีความกล้ามากขึ้น เรื่องใหญ่ก็จะเล็กลงแล้วจะต้องกล้าทำทุกเรื่อง เรื่องอย่างนี้ต้องสะสม ไม่ใช่ทำได้ในวันเดียว
การหยุดนิ่งกับการนำเสนอสินค้าในรูปแบบเดิมๆ จะทำให้ธุรกิจไปไม่รอดและหายไปในที่สุด ซึ่งการทำธุรกิจทุกอย่างต้องพร้อมรับกับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แม้การรีแบรนด์ของผลิตภัณฑ์ของเขาจะเป็นการรีแบรนด์ครั้งใหญ่ แต่เขาก็ได้เตรียมตัวรับกับความเปลี่ยนแปลงด้วยความไม่ประมาท
ทำทุกอย่างให้เป็นเรื่องด่วน เพราะอุปสรรคที่เขาจะต้องเผชิญคือ ไม่ว่าจะขายยังไงยอดขายก็ยังต่ำอยู่ดี เพราะทัศนคติของคนไทยมักมีความคิดว่า ผลิตภัณฑ์ของไทยคือจะต้องถูกและคุณภาพไม่ดี ทำให้เห็นว่าทุกอย่างเป็นเรื่องเร่งด่วนที่เขาจะต้องแก้ไขในทุกๆ วัน
ควรแบ่งเงินระหว่างเงินส่วนตัวและเงินสำหรับทำธุรกิจ หากเงินหมดก็หาใหม่ ชีวิตยังมีแรงสู้ จะกลัวทำไมกับเรื่องที่ไม่ควรจะกลัว เพราะความกลัวที่ทำให้เราอาจไปไม่ถึงไหน ถ้าหากก้าวข้ามจุดนี้ได้ เรื่องอื่นไม่มีอะไรยาก แม้อาจจะทำผิดพลาดบ้าง มันจะเป็นบทเรียน และทำให้ต้องรับผิดชอบกับความล้มเหลวของตัวเอง
ที่มา : marketingoops