หากใครได้มีโอกาสติดตามสุดยอดรายการแข่งขันทำอาหารอย่าง ‘MasterChef Thailand Season 1’ คงรู้จักสาวหน้าหวานที่มีฝีมือและความคิดสร้างสรรค์ร้ายขั้นเทพ จนสามารถคว้าแชมป์ MasterChef Thailand เป็นคนแรกของประเทศไทยได้ ‘แก้ว-ปวีณ์นุช ยอดปรีชาวิจิตร‘ จากวันนั้นที่เธอยังเป็นแค่ผู้แข่งขัน เธอก็คือผู้หญิงคนหนึ่งที่มีความฝันอยากเป็นเชฟ และตัดสินใจเข้ามาแข่งขันในรายการนี้เพื่อพิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนได้เห็น โดยเฉพาะคนในครอบครัวของเธอเอง และในท้ายที่สุดเธอก็ทำมันได้สำเร็จ
นอกจากชัยชนะและคำชื่นชมที่ได้รับ เธอยังมีบทพิสูจน์ตัวเองอีกอย่างที่ท้าทายความสามารถ ทุกความตั้งใจ ทุกความใส่ใจ บวกกับความทุ่มเท ก็เพื่อ Cookbook เล่มแรกในชีวิต The First MasterChef Cookbook
จุดเริ่มต้นมาจากตอนแก้วอยู่ที่บ้านกับน้องชาย 2 คน คุณพ่อคุณแม่ออกไปทำงาน เวลาที่อยู่กับน้อง เขาจะมองเราเป็นไอดอล ก็จะอยากให้เราทำนู่นทำนี่ วันนึงเรานั่งดูการ์ตูนด้วยกันแล้วมีสปาเก็ตตี้มีทบอล น้องดูแล้วอยากกิน ก็เลยลองทำ ซึ่งตอนนั้นแก้วอายุแค่ 9 ขวบเอง เอาเส้นสปาเก็ตตี้ที่บ้านมาทำแล้วก็ใส่ซอสมะเขือเทศ มานึกย้อนถึงตอนนี้เราว่ามันไม่อร่อยแน่เลย แต่น้องก็บอกว่ามันอร่อย ตั้งแต่นั้นมาเวลาน้องอยากกินอะไรเราก็จะทำให้ แล้วเราก็สะสมมาเรื่อยๆ โตขึ้นก็เริ่มทำบ่อยขึ้น มันเป็นความภูมิใจของเราที่ได้ทำอาหารให้คนอื่นกิน เวลาเห็นคนกินมีความสุข เราก็มีความสุขไปด้วย เลยรู้สึกว่าตัวเองชอบทำอาหาร
แก้วรู้สึกว่ามันเป็นภาษาอีกอย่างหนึ่ง เหมือนที่คนบอกว่าเพลงเป็นภาษาอย่างหนึ่ง เราไม่จำเป็นต้องคุยภาษาด้วยกันก็ได้ แต่เราฟังเพลงเดียวกันได้ อาหารก็เหมือนกัน เราไม่จำเป็นต้องเป็นคนประเทศเดียวกัน พูดภาษาเดียวกัน แต่ไม่ว่าใครที่กินอาหารของเรา มันสามารถรับรู้ได้ แก้วก็เลยรู้สึกว่ามันคือเสน่ห์ของการเป็นเชฟ อีกอย่างคือเชฟจะไม่หยุดนิ่ง เวลาที่เราทำอาหารเหมือนเรามีเวทมนตร์ เราจะทำอะไรกับมันก็ได้ เราสามารถพลิกแพลงอะไรได้เยอะแยะ มันก็เลยสนุก
แก้วอ่านเยอะมากค่ะ (หัวเราะ) แก้วชอบดู MasterChef Australia คือซีซั่นนึงมีประมาณ 70 กว่าชั่วโมง แล้วก็อ่าน Cookbook ด้วย ดู YouTube ฝึกทำอาหารไทยเอง มันก็อาจจะไม่ได้ดีเลิศ แต่แก้วเป็นคนไทยก็อยากจะทำอาหารไทยให้ได้ จริงๆ แก้วถนัดอาหารประยุกต์ แก้วชอบอาหารที่มันดัดแปลง ตื่นเต้น จากที่มันดีอยู่แล้วก็ทำให้มันดีขึ้นไปอีก
Cookbook เล่มนี้มันคือรางวัลของคนที่ชนะ MasterChef ก็จะได้ Trophy เงินรางวัล 1 ล้านบาท แล้วก็ได้ทำ Cookbook อีก 1 เล่ม พอถึงวันที่เราชนะ เราก็ต้องไปคิดมาว่าจะทำคอนเซปต์ยังไง แล้วก็เอาคอนเซปต์นั้นไปนำเสนอ พอผ่านแล้วคิดเมนู คิดเมนูทั้งหมดเสร็จก็ทดลองเมนูว่ามันโอเคมั้ย พอทดลองเสร็จก็ต้องเอามาตัดต่อเพราะบางเมนูก็เยอะเกินไป เสร็จตรงนี้ก็ต้องเอาไปให้โปรดักชั่นอีก เราก็ลงไปดูด้วยตัวเอง เหมือนมันไปทีละขั้นแล้วก็จะมีอุปสรรคหลายอย่างกว่าที่จะออกมาเป็นเล่มนี้ มันมาจากหยาดเหงื่อแรงกายของทุกคนในรายการ คือเราทำเองทุกขั้นตอนเลยค่ะ
แก้วคิดว่าอยากให้มันเป็นเมนูที่พิเศษ อยากให้การทำอาหารมันดูไม่น่าเบื่อ มันดูมีอะไรแปลกใหม่ ทำแบบนี้ก็ได้ด้วยเหรอในทุกๆ เมนู แล้วก็พยายามเลือกเมนูที่เหมาะสมกับ MasterChef มากที่สุด มันเป็นเมนูที่ต้องมีความละเอียดและความแม่นยำ
แก้วอยากให้กำลังใจทุกคนเลยนะคะ คือตอนนี้มันใกล้มาก แล้วแก้วก็เข้าใจความรู้สึกของทุกคนว่ายิ่งใกล้มันก็ยิ่งกดดัน ก็อยากให้เอาความกดดันมาเป็นกำลังใจ เราใกล้เข้ามาขนาดนี้แล้ว เขย่งทีนึงก็ถึงแล้ว ก็อยากให้ตั้งใจและทำมันออกมาให้ดีที่สุด ถึงพลาดก็ไม่เป็นเราเพราะเราตั้งใจทำออกมาให้ดีที่สุดแล้ว ขอให้สู้ๆ
จริงๆ แก้วเชียร์ทุกคนเลย แก้วมองว่ามันก็มีคนที่เก่งมากๆ อยู่ แล้วแก้วก็เห็นมวยรอง ก็เลยเชียร์มวยรอง แบบว่าอีกนิดนึงนะ
รายการ MasterChef ทำให้ครอบครัวยอมรับแก้ว เพราะแก้วมารายการนี้เพื่อพิสูจน์ตัวเอง มันไม่ใช่แค่ครอบครัวที่ยอมรับ แต่หมายถึงสังคมด้วย จริงๆ แล้วนิสัยของแก้วมันเป็นลักษณะนิสัยที่ตั้งแต่เด็กจนโตมักจะมีคนที่ตั้งคำถามและไม่ยอมรับ แต่พอแก้วเข้ามาในรายการนี้ ทำให้แก้วเห็นว่ามันมีคนที่ยอมรับ มีคนที่ชื่นชมในตัวเรา มีคนบอกว่าเราเชื่อนะว่าเธอทำแบบนี้ได้จริงๆ ก็รู้สึกภูมิใจ มั่นใจในตัวเองมากขึ้น แล้วก็เห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้น เหมือนตัวเองโตขึ้นจากทุกอย่างที่ผ่านมา
แก้วตั้งใจทำมากจริงๆ ค่ะ ถือว่ามันเป็นจดหมายละกันที่ส่งถึงแฟนคลับที่คอยให้กำลังใจแก้วมาตลอด แก้วอยากให้ทุกคนได้เห็นว่าแก้วทำเพื่อพวกเค้าจริงๆ ถ้าได้เห็นก็จะรู้ว่าแก้วตั้งใจทำมากขนาดไหน Cookbook เล่มนี้ถือเป็นคำขอบคุณจากใจของแก้วค่ะ