ไม่เป็นไรนะ แต่มันจะเป็นไร
.
ไม่เป็นไรนะ แต่มันจะเป็นไร
เมื่อบอกว่าไม่เป็นไร จริง ๆ แล้วเป็นเสมอ
.
.
‘ไม่เป็นไร’ คือคำโกหกหลอกลวงที่ผู้คนใช้มากที่สุด เนื่องจากคนส่วนใหญ่มักใช้ภาษาผิดเพี้ยนจากความหมายจริง ๆ เช่น เมื่อเราพูดว่า ‘ความปลอดภัย’ จริง ๆ แล้วมันอาจไม่ปลอดภัย หรือถ้าเราพูดถึง ‘ความบันเทิงใจของผู้ใหญ่’ ก็อาจเป็นเรื่องสกปรกโสมมสำหรับเด็ก
.
.
การโกหกแทรกซึมอยู่ในทุกที่ของสังคม คล้ายวัฒนธรรมอย่างหนึ่งที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคยและยอมรับอย่างเต็มใจว่า ‘ฉันเองก็เคยโกหก’ ซึ่งจากผลการศึกษาจาก Saint Louis University พบว่า ผู้คนมักโกหกประมาณ 4 ครั้งต่อวัน หรือ 1,460 ครั้งต่อปี หรือ 88,000 ครั้งเมื่อมีอายุ 60 ปี
.
นี่เรากำลังพูดถึง ‘การโกหกสีขาว’ (White lies) หรือการพูดปดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่ส่งผลอันตราย อีกทั้งยังเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ เมื่อพฤติกรรมดังกล่าวกลายเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญในทุกความสัมพันธ์ของมนุษย์
.
.
แล้วเรื่องไหนที่เราพบว่า คนเราโกหกบ่อยมากที่สุด?
.
.
.
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนเราโกหกว่า ‘ไม่เป็นไร’ ได้อย่างมั่นใจ นั่นเพราะอาจไม่ต้องการให้คนอื่นกังวลหรือรู้สึกไม่สบายใจไปด้วย จนถึงขั้นติดเป็นนิสัยที่ไม่ว่าใครจะถามอะไร เรามักตอบไปว่า ‘สบายดี’
.
แต่นี่คือสิ่งที่เราคิดผิดมาตลอด
.
.
‘ไม่เป็นไร’ ไง ไม่เห็นมีใครจะเป็นอะไรเลย … ย่อมไม่จริง หลายครั้งที่เพื่อนหรือคนใกล้ตัวเราสังเกตุความผิดปกตินี้ได้ว่า ‘เรากำลังเป็นอะไรสักอย่าง’ เรามักรู้สึกหน้าชา ยิ้มเหยเกเมื่อถูกเผยความจริง
.
ถึงปากไม่พูด แต่ปฏิกิริยาแสดงออก การโกหกมักสร้างความน่าอึดอัด เริ่มตั้งแต่ปลายลิ้นลามลงไปถึงใจ ก่อนกลายเป็นไฟลามทุ่งจนสร้างสถานการณ์น่าหนักใจในที่สุด
.
.
ปฏิกิริยาดังกล่าว เป็นกลไกป้องกันตัวที่เกิดขึ้นเพื่อช่วยให้จิตใจรับมือกับสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ว่าเกิดขึ้นในตัวเอง (Defense Mechanism) มักเกิดขึ้นบ่อยครั้งเมื่อผู้คนกังวลว่าสิ่งที่ตัวเองรู้สึกนึกคิด จะส่งผลเสียต่อตนเองในอนาคตและหากเผยความรู้สึกนั้นออกไป ปัญหาอาจบานปลายและยากเกินรับมือ – อ้างอิงจากทฤษฎีทางจิตวิทยาของ ซิกมันด์ ฟรอยด์
.
แต่วิธีนี้ไม่ใช่แนวทางการแก้ไขปัญหาที่ดีนัก เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณไม่อนุญาตให้ตัวเองรู้สึกถึงอะไรก็ตามที่สร้างความวิตก พยายามลดทอนมันด้วยการโกหกทุกคนรวมถึงหัวใจตัวเอง วิธีนี้จะยิ่งทำให้คุณกลายเป็นคนอ่อนแอ ขี้แพ้ เพราะชอบหลีกหนีและไม่กล้าเผชิญหน้ากับปัญหาเพื่อเอาชนะมันได้อย่างจริงจังสักครั้ง
.
อย่ากลัวที่จะปล่อยให้ตัวเองรู้สึก อย่าบอกคนอื่นว่า ‘ไม่เป็นไร’ ทั้งที่ในใจล้มพังไม่เป็นท่า เพราะคนแข็งแกร่งที่แท้ จริงคือคนที่ยอมรับความรู้สึกของตัวเองได้ทั้งหมด จะสุขหรือทุกข์ ก็บุกมาได้เลย
.
นี่คือ 13 ข้อคิดจากหนังสือ ‘ไม่เป็นไรนะ แม้มันจะเป็นไร’ – บอร์นเก้าสาม ที่จะทำให้ความสุขและความเศร้ามีค่าเท่ากัน
.
.
①
มิตรภาพไม่ได้จบลงที่เป็นคู่กันเสมอไป
.
②
โลกนี้มีคนใส่ใจบางสิ่งที่หลายคนไม่ได้สนใจอยู่เสมอ
.
③
ทุกคนมีดี หยุดเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น
.
④
อดทนให้ถูกที่ เรื่องที่ไม่โอเคก็ไม่ควรต้องทน
.
⑤
ชัยชนะไม่ต้องการความยิ่งใหญ่ แค่ผ่านเรื่องเล็กน้อยไปได้ก็ชนะมันแล้ว
.

.
⑥
เมื่อวานแย่น้อยกว่าวันนี้เสมอ
.
⑦
เพราะเคยเจ็บปวด เลยรู้ว่าอะไรต้องระวัง
เพราะเคยพลาดพลั้ง เลยเรียนรู้และฉลาดขึ้น
.
⑧
จะชนะปัญหาได้ไม่ใช่การมีกำลังมหาศาล
แต่ผ่านไปได้ด้วยกำลังใจและทัศนคติ
.
⑨
อดีตเป็นสิ่งที่ทุกคนอยากย้อนกลับไป แต่ไม่เคยมีใครย้อนกลับไปได้
.
⑩
อย่าเสียเวลาพิสูจน์ตัวเองกับคนที่อคติ ไม่มีประโยชน์และเสียเวลา
.
⑪
ความไม่ไว้ใจ ไม่เคยสร้างความมั่นคงให้ความสัมพันธ์ใดมาก่อน
แต่แค่ต้องไว้ใจให้ถูกคน
.
⑫
อย่าเสียตัวตนของตัวเองไป เพราะแค่อยากถูกใจคนทั้งโลก
.
⑬
เรื่องที่กำลังเจอ มีคนอื่นเคยเจอมาก่อนทั้งนั้น ไม่มีอะไรใหม่บนโลกใบนี้
.
.
แนะนำหนังสือ
‘ไม่เป็นไรนะ แต่มันจะเป็นไร’ – บอร์นเก้าสาม
สำนักพิมพ์ Springbooks
.
เวลาเรียน ทำงาน หรือใช้ชีวิต มันจะมีบางครั้งที่ชีวิตไปได้สวย เป็นไปตามที่เราคาดหวัง แต่ก็มีหลายครั้งที่ชีวิตไม่เป็นไปตามที่เราคิด ทั้ง ๆ ที่เราคิดว่ามันจะออกมาดีและไปได้สวยแล้วแท้ ๆ แต่นั่นแหละสิ่งที่เรียกว่าชีวิต
.
‘ชีวิต’ มีบทเรียนให้เราเสมอ และหนึ่งในบทเรียนอันล้ำค่านั้นคือการที่มันบอกกับเราว่า ไม่ว่าจะเจออะไร จะยากหรือง่าย สุดท้ายเราจะผ่านไปได้เสมอ
.
.