หากใครมองภาพว่านิยายสืบสวนสอบสวนว่าอ่านยากและเข้าไม่ถึง ขอให้ลบภาพเหล่านั้นไปให้หมด เพราะเราจะพาทุกคนออกเดินทางไปกับการฆาตกรรมครั้งใหม่ ‘ลิงพาดกลอน’ จะทำให้เราลุ้นระทึกไปกับคดีการฆาตกรรมสุดหฤโหด นิยายสืบสวนสอบสวนเรื่องนี้จะเรียกว่าเป็นภาคต่อก็ไม่เชิง ถือเป็นการนำแรงบันดาลใจจากตัวละครใน ‘กาหลมหรทึก’ มาสร้างเรื่องราวใหม่ เพื่อเป็นการตอกย้ำกระแสความโหดและความแรงของนิยายสืบสวนสอบสวนเรื่องนี้ เราจึงมี 6 เรื่องน่ารู้ของ ‘ลิงพาดกลอน’ ที่จะพาทุกคนเดินทางไปสู่การฆาตกรรมครั้งใหม่
ทุกคำของหนังสือเล่มนี้ล้วนมีความหมายเกี่ยวเนื่องกับ ‘กาหลมหรทึก’ โดยคำว่า ‘ลิง’ คือชื่อของกบี่ ส่วนคำว่า ‘พาดกลอน’ มาจากเสือโคร่ง (หมายถึงแชนในกาหลมหรทึก) หากใครได้อ่านจะเห็นว่า ปราปต์ได้เรียกตัวละครนี้ว่าไอ้เสือ เรื่องราวของลิงพาดกลอนจึงมีแต่ความสนุก ซับซ้อน และโกลาหล ไม่ต่างอะไรจากผลงานที่ผ่านมาของเขา
แท้จริงแล้ว ‘ลิงพาดกลอน’ คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากผลงานเรื่อง ‘กาหลมหรทึก’ ที่มาจากตัวละครแชนกบี่ และมีแฟนนักอ่านจำนวนมากถามถึงตัวละครเหล่านี้ ทำให้ปราปต์มีความคิดที่จะเขียนเรื่องราวของ 2 คนนี้ขึ้นมา แต่หยิบเฉพาะลักษณะนิสัยและความสัมพันธ์ของตัวละครมาเท่านั้น ไม่ได้ดำเนินเรื่องต่อจากกาหลมหรทึก ถือเป็นการสร้างมิติใหม่ให้กับตัวละครที่แฟนนักอ่านอยากเห็น
เรื่องราวของลิงพาดกลอน กล่าวถึงตัวละครหลักทั้ง 2 อย่าง ‘ไตรตรึงษ์’ ที่ได้รับข่าวร้ายว่า ‘หมวดเสือโคร่ง’ เพื่อนที่ทั้งรักและชังได้เสียชีวิตที่ภาคใต้บ้านเกิดของเขาบริเวณศาลเจ้าจีน เมื่อเขาลงมาสืบคดีนี้ด้วยตัวเองก็พบว่าสาเหตุการตายของเพื่อน มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ฆาตรกรรมต่อเนื่องที่เกิดขึ้นแทบทุกวัน และยังไม่มีใครรู้ตัวคนที่ทำเรื่องสุดหฤโหดนี้
การเขียนเรื่องราวแนวสืบสอนสอบสวน โดยเฉพาะการฆาตกรรมสุดโหดคืองานถนัดของปราปต์ และในลิงพาดกลอนก็ยังคงสิ่งเหล่านี้ไว้ทั้งหมด แถมยังเพิ่มระดับความหฤโหดกว่าผลงานที่ผ่านมา โดยอิงมาจากเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งมาจากโทษประหาร 21 สถาน โดยมีการบันทึกไว้ในกฎหมายตราสามดวง (กฎหมายนี้เป็นของรัชกาลที่ 1) หากใครกระทำความผิดร้ายแรง จะถูกลงโทษอย่างโหดร้าย เช่น การใช้ขวานผ่าอก การตีหัวจนกะโหลกจนแตก การเอาถ่านร้อนยัดเข้าไปในสมองจนเดือดในที่สุด ฯลฯ
ปราปต์คิดอยู่เสมอว่าตัวเองเป็นคนชนชั้นกลาง จึงทำให้เขามีความรู้สึกว่า ความลำบากต่างๆ ที่ได้พบเจออาจมีสาเหตุมาจากความเหลื่อมล้ำในสังคม การแบ่งแยกชนชั้น และความไม่ยุติธรรมของระบบสังคม สิ่งเหล่านี้เปรียบเสมือนเครื่องมือที่สะท้อนผ่านงานเขียนของเขา ซึ่งนอกจากจะได้ความสนุกจากการสืบสวนทางถนัดของเขาแล้ว ยังได้เห็นมุมมองสะท้อนสังคมของเขาอีกด้วย
เรื่องราวประวัติศาสตร์ที่หายไป จะถูกเปิดเผยขึ้นมาให้คนรุ่นใหม่ได้เห็น บางประเด็นที่พยายามลบให้หายไปจากประวัติศาสตร์ สิ่งเหล่านี้จะทำให้เราได้ฉุกคิดขึ้นมาอีกครั้ง ผ่านการเล่าเรื่องของปราปต์ และสำหรับใครที่ชื่นชอบ ‘กาหลมหรทึก’ จะต้องหลงรักนิยายสืบสวนเรื่องนี้อย่างแน่นอน