การ ละเมิดลิขสิทธิ์ มีโทษทางกฎหมาย รู้ไว้ก่อนสายเกินแก้ และจะแย่ถ้าต้องขึ้นโรงขึ้นศาล!
ประเด็นร้อนอาทิตย์นี้คงไม่พ้น เรื่องราวของนักร้องหนุ่มมากความสามารถอย่าง “ทอย ธันวา บุญสูงเนิน” หรือ “เดอะ ทอย” ที่ทั้ง ร้องเอง เล่นเอง แต่งเอง จากเบื้องหลังความสำเร็จของศิลปินหลายคนสู่การเป็นที่รู้จักในวงกว้าง
แต่เดินสะดวกได้ไม่นาน ก็มีผู้ที่อ้างตนว่าเป็น “คนใกล้ตัว” ขุดคุ้ยเรื่องราวต่าง ๆ นานา เช่น “การเปลี่ยนชื่อการเข้าวงการและที่มาของชื่อ” รวมไปถึง “การแต่งกายและแนวเพลงที่ก็อปวงต่างชาติหรือไม่?” แม้เจ้าของเรื่องราวดราม่านี้จะปิดเฟสบุคไปแล้ว แต่ก็ไม่ทำให้คนหายสงสัยประเด็นดังกล่าวได้เลย ..ว่าเรื่องราวที่แท้จริงเป็นเช่นไร? ละเมิดลิขสิทธิ์ จริงหรือไม่?
THE 1975 วงดนตรีที่น่าจับตามองจากเกาะอังกฤษ แนวเพลงอินดี้ ที่รวมตัวกันตั้งแต่อายุ 15 เท่านั้น เริ่มแรกจะโคฟเวอร์เพลงของวงดังเป็นหลัก ต่อมาพัฒนาความสามารถไปอีกขั้นด้วยการแต่งเพลงเองขึ้นร้องในคอนเสิร์ตตัวเอง จนโด่งดัง กลายเป็นที่รู้จัก
แต่ไม่ใช่แค่ในอุตสาหกรรมดนตรีเท่านั้นนะที่มีประเด็น ละเมิดลิขสิทธิ์ ให้ดราม่ากันแบบนี้ เพราะ อุตสาหกรรมงานเขียนและวรรณกรรมเอง ก็มีกลุ่มคนมักง่ายประเภทนี้ให้เห็นกันบ่อยครั้ง
การกระทำที่เข้าข่าย การ “คัดลอกผลงาน” คือ การนำผลงานของคนอื่นมาเป็นผลงานของตนเองโดยมิชอบ ทั้ง การขโมย, การตีพิมพ์ข้อความของคนอื่น รวมถึงการแสดงความคิด (วรรณกรรม, งานศิลป์, ดนตรี, งานประดิษฐ์ และอื่น ๆ ) และการใช้วิธีในการนำมาอย่างไม่ซื่อสัตย์ เสมือนกับว่าเป็นงานของตนเอง – The Compact Edition of the Oxford English Dictionary
การโจรกรรมทางวรรณกรรม หรือ การลอกเลียนวรรณกรรม หมายถึง การนำผลงาน ความคิด หรือคำพูดของผู้อื่นไปให้โดยไม่อ้างอิงที่มา หรือการนำความคิดและงานของผู้อื่นมาเขียน โดยทำให้ดูเหมือนว่ามาจากความคิดของตน – ราชบัณฑิตยสถานบัญญัติ
โดยทั่วไป แบ่งประเภทของการ “ขโมยความคิด” ที่ ละเมิดลิขสิทธิ์ ออกเป็น 5 ประเภทหลัก ดังนี้
การกระทำดังกล่าว เข้าข่าย ละเมิดลิขสิทธิ์
นอกจากจะมีความผิดด้านจรรยาบรรณแล้ว ยังมีโทษทางกฎหมายด้วยนะ! เพราะในวันที่ 4 สิงหาคม 2558 ที่ผ่านมา ทาง กรมทรัพย์สินทางปัญญา มีการปรับใช้กฎหมายลิขสิทธิ์ฉบับใหม่ที่ครอบคลุมสื่อออนไลน์มากขึ้น ใครทำผิด! ถือว่า ละเมิดลิขสิทธิ์ ทันที!
ในยุคปัจจุบันเมื่อเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากขึ้น การตรวจสอบบทความที่ซ้ำและคัดลอกจึงง่ายมากขึ้น เพราะมีโปรแกรมที่สามารถใส่บทความลงไปและตรวจสอบได้ทันที เช่น
คงไม่ยากหากเราจะหาข้อมูลจากแหล่งเรียนรู้ออนไลน์ฟรี ๆ จากทั่วทุกมุมโลก แต่ไม่ได้แปลว่าจะให้คุณคัดลอกงานเขามานะ …ควรศึกษาเรื่องที่จะเขียนอย่างเข้าใจ จากหลากหลายแหล่งที่มาของข้อมูล เมื่อเข้าใจแจ่มแจ้งแล้วก็นำมาสรุปความตามความเข้าใจ ด้วยสำนวนภาษาของตนเอง แต่ถ้าหากว่าจำเป็นจะต้องคัดลอกผลงานคนอื่นมา หรือจำเป็นต้องแปลบทความนั้น ๆ มาจากภาษาอื่น ควรให้แหล่งที่มา หรือใส่แหล่งอ้างอิงทุกครั้ง
แล้วถ้าเกิดว่าจะต้องเอาบทความของคนอื่นมาใช้จริง ๆ ละก็ มีวิธีการในการอ้างอิงที่ถูกต้อง ดังนี้
การเขียนอ้างอิงแบบ “เอกสารอ้างอิง” นั้น เป็นการอ้างอิงเฉพาะตัวประโยคที่ยกมาเท่านั้น หากมี 10 แหล่งที่มา การใส่เอกสารอ้างอิงก็จำเป็นต้องมี 10 การอ้างอิง
ชื่อผู้แต่ง (ปีที่พิมพ์, เลขที่หน้าอ้างอิง)
การเขียนอ้างอิงที่มา ทั้งการยกประโยคมาใส่ในเรื่อง และ อาจไม่ได้ยกประโยคมาแต่แหล่งที่มีมีความเกี่ยวข้องกับบทความ
รวบรวมสาระน่ารู้ ทั้งข่าวสารวงการหนังสือ อีเว้นท์หนัง, หนังสือใหม่, หนังสือแนะนำ รีวิวหนังสือ และ อื่น ๆ อีกมากมาย มีให้อ่านกันฟรี ๆ ที่นี่ BOOK.MTHAI