8 การเดินทาง Agent to the Stars Being Poor Hugo Awards John Scalzi John W. Campbell Lock In Maxx Publishing Old Man's War Redshirts Stargate Universe Tor Book whatever.scalzi.com การอ่าน การเขียน จอห์น สกัลซี จิตลวงร่าง นักเขียน นิยายแปล ประวัตินักเขียน วรรณกรรมแปล วัยรุ่น สายวรรณกรรม หนังสือ หนังสือน่าอ่าน อ่านหนังสือ แนะนำหนังสือ แนะนำหนังสือน่าอ่าน 2017 ไลฟ์สไตล์

8 การเดินทางในสายวรรณกรรมของจอห์น สกัลซี (John Scalzi)

Home / สารพันหนังสือ / 8 การเดินทางในสายวรรณกรรมของจอห์น สกัลซี (John Scalzi)

          ต้อนรับที่หนังสือ LOCK IN นิยายแปลเหนือจินตนาการกำลังจะถึงมือผู้อ่านในเร็วๆ นี้ เราเลยอยากให้นักอ่านทุกท่านรู้จักนักเขียนเรื่องนี้ให้มากขึ้นกับ จอห์น สกัลซี (John Scalzi) ที่หลายคนมองว่า เขาเป็นเจ้าพ่อเรื่องแต่งแนววิทยาศาสตร์ หรือเป็นพ่อมดแห่งโลกไซ-ไฟที่ไม่มีใครเทียบได้ แต่ถ้าหากให้มองลึกไปถึงประวัติชีวิตของเขาแล้ว เบื้องหลังพ่อมดแห่งวงการน้ำหมึกคนนี้ มีชีวิตที่ไม่ธรรมดา เต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจ และควรค่าแก่การบอกต่อเป็นที่สุด
          เราเลยไม่รอช้าที่จะสรุปไทม์ไลน์ชีวิต และเดินสำรวจเส้นทางในสายวรรณกรรมของเขา ที่พอคุณได้อ่านแล้วจะต้องทึ่ง จนอยากซื้อ LOCK IN มาอ่านซะเดี๋ยวนี้เลย

          วัยเด็กของสกัลซี
          แค่ชีวิตวัยเด็กก็น่าสนใจแล้ว เพราะสกัลซีเติบโตมาในการเลี้ยงดูของคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว มีสมาชิกพี่น้องและนับตัวเองเข้าไปด้วยรวม 3 คน เขามีเชื้อสายอิตาเลียนที่ติดตัวมาจากคุณปู่ ซึ่งคุณปู่อพยพจากถิ่นเมืองพิซซ่า มาสู่ดินแดนแห่งเสรีภาพอย่างสหรัฐอเมริกา เขายอมรับว่า ชีวิตวัยเด็กค่อนข้างยากจนและแร้นแค้น ถึงขนาดนำประสบการณ์และเรื่องของตัวเองที่ผ่านมา เขียนเป็นความเรียงหัวข้อ Being Poor ชิงทุนการศึกษาให้ได้เรียนต่อในโรงเรียน และเขาก็ทำสำเร็จ ได้เข้าเรียนสมใจ ในโรงเรียนประจำอย่าง The Webb School of California ณ เมือง Claremont

          ลิขิตการเขียนด้วยการโยนหัวก้อย
          สกัลซีสะสมทุนการเขียนของตัวเอง ด้วยการอ่านนิยายแนววิทยาศาสตร์ รวมถึงแนวลึกลับที่เขาชอบเป็นพิเศษ หลายคนมองว่า ทำไมไม่เขียนนิยายทั้ง 2 แนวไปเลย เขาเล่าเหตุผลให้ฟังอย่างติดตลกในเว็บไซต์ Dayton Daily News ว่า
          “ที่ตัดสินใจเริ่มเขียนนิยาย ผมอยากเริ่มจากแนวที่ตัวเองรู้และรักในฐานะผู้อ่าน ผมเลยตั้งต้นเขียนจากการอ่าน 2 แนวนี้ แต่ไม่รู้ว่า จะเริ่มจากแนวไหนก่อน ระหว่างวิทยาศาสตร์หรือลึกลับ ผมเลยใช้วิธีเลือกที่คลาสสิกที่สุด โยนหัวก้อย หัวเป็นแนววิทยาศาสตร์ ก้อยเป็นแนวลึกลับ ผมดีดเหรียญขึ้นฟ้า ปรากฏว่า เหรียญออกมาเป็นหัว ผมเลยกลายเป็นนักเขียนนิยายแนววิทยาศาสตร์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ดูตลกเนอะ”

          สกัลซี ผู้สวมหมวกหลายใบ
          หลังจบการศึกษาด้านปรัชญา จากมหาวิทยาลัยชิคาโกในปี พ.ศ. 2534 เขาสวมหมวกหลายใบมาก คือทำอาชีพมาอย่างหลากหลาย เช่น ที่ปรึกษาด้านธุรกิจ คอลัมนิสต์ โดยเขียนตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ อย่างเรื่องการเงิน วิดีโอเกม ดาราศาสตร์ และการเมือง สกัลซีเขียนมาหมดแล้ว และหมวกอีกใบหนึ่งที่นักอ่านหลายคนต่างติดใจและยอมรับในฝีมือของเขา ว่าเขียนออกมาได้อย่างมีอารมณ์ขันและจับใจที่สุด นั่นคือ หมวกของนักวิจารณ์ภาพยนตร์ จนมาถึงในปี พ.ศ. 2541 สกัลซีผันตัวเองมาเป็นนักเขียนอิสระ และมุ่งสร้างสรรค์ผลงานตัวเองแบบเต็มเวลา

          whatever.scalzi.com
          เว็บนี้เป็นเว็บบล็อกส่วนตัวของสกัลซีที่เริ่มเขียนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2541 พื้นที่แห่งนี้เป็นเหมือนสนามทดลองการเขียนในรูปแบบต่างๆ ของสกัลซีเลยก็ว่าได้ เช่น ข่าว คอลัมน์ บทวิจารณ์ ฯลฯ หรือแม้กระทั่งนิยายตัวเอง เขาก็โพสต์ลงในนี้ อย่างนิยายเรื่องแรก Agent to the Stars สกัลซีเริ่มเขียนเมื่อปี พ.ศ. 2540 ลงให้อ่านฟรีบนเว็บไซต์เมื่อปี พ.ศ. 2542
          ตอนนั้นสกัลซีนึกแคมเปญสนุกๆ ให้ผู้อ่านบริจาคเงินกันมา หากผู้อ่านถูกใจนิยายเรื่องนี้ และอยากให้เขียนต่อไป แคมเปญของเขาได้เสียงตอบรับจากนักอ่านอย่างท่วมท้น ด้วยเงินจำนวน 4,000 เหรียญในช่วงเวลา 5 ปี และนิยาย Agent to the Stars ก็ถูกตีพิมพ์เป็นปกแข็งแบบจำนวนจำกัดขึ้นในปี พ.ศ. 2548

          สกัลซี กับนิยายที่ตีพิมพ์เป็นทางการ
          Old Man’s War นิยายวิทยาศาสตร์เล่มแรกของสกัลซีที่ได้ถูกตีพิมพ์อย่างเป็นทางการขึ้นในปี พ.ศ. 2548 เนื้อเรื่องเล่าถึงชายวัย 75 ปีที่ถูกคัดเลือกให้ต่อสู้กับสงครามที่ยาวนานตลอดชีวิตของผู้ชายคนนี้ ขณะนั้นเขามองว่า นิยายแนววิทยาศาสตร์ทหาร กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดนักอ่านอย่างยิ่ง ซึ่งเขาก็มองขาดจริงๆ เพราะนิยายเล่มนี้ได้รับความนิยมและประสบความสำเร็จสูงสุด
          จากความสำเร็จนี้ สกัลซีจึงได้รับรางวัลนิยายไซ-ไฟ จอห์น ดับบลิว แคมพ์เบล (John W. Campbell) ในสาขานักเขียนหน้าใหม่ยอดเยี่ยม และถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Hugo Awards สาขานิยายยอดเยี่ยมในปี พ.ศ. 2549 แต่เรื่องนี้มีอันต้องชวดรางวัลไป ซึ่งไม่เป็นไร เขากลับมาอีกครั้งกับนิยายเรื่อง Redshirts ในปี พ.ศ. 2556 ที่ชนะรางวัล Hugo Awards สาขานิยายยอดเยี่ยมในที่สุด ถือเป็น 7 ปีแห่งการบ่มเพาะการเขียนให้สุกงอมและออกดอกผลที่สวยงามให้เขาอย่างแท้จริง

          สกัลซี กับบทบาทที่ปรึกษาซีรีส์โทรทัศน์
          เป็นนักวิจารณ์ก็ดี เป็นนักเขียนก็ได้ แต่สกัลซีไม่หยุดอยู่เพียงแค่นั้น เขายังก้าวกระโดดไปเป็นที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์ให้กับซีรีส์โทรทัศน์อีกด้วย เรียกได้ว่า เก่งแบบสุดๆ โดยรับหน้าที่เป็นครีเอทีฟในการดูแลเรื่องราวและภาพรวมของซีรีส์โทรทัศน์เรื่อง Stargate Universe ทั้งหมด ซึ่งซีรีส์เรื่องนี้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับประตูมิติแห่งอวกาศที่จะเชื่อมโยงโลกไปยังจักรวาลอื่นๆ แต่ประตูมิติดังกล่าวถูกรบกวนจากพวกต่างดาว หน่วยงานพิทักษ์จึงต้องรักษาประตูมิตินี้ไว้จากศัตรูตัวฉกาจเหล่านั้น Stargate Universe มีทั้งหมด 39 ตอน และชื่อของสกัลซีอยู่ในเครดิตทุกตอน ในฐานะที่ปรึกษาเนื้อหา

          ประธานนิยายวิทยาศาสตร์และแฟนตาซี
          ชีวิตของเขาไม่ธรรมดาอีกครั้ง เพราะในปี พ.ศ. 2553 สกัลซีถูกเลือกให้เป็นประธานนิยายวิทยาศาสตร์และแฟนตาซีแห่งสหรัฐอเมริกา ด้วยมติเป็นเอกฉันท์จากผู้ท้าชิงทั้งหมด แต่กว่าจะมายืนตรงจุดนี้ได้ เขาเองก็ล้มลุกคลุกคลานไม่น้อย ด้วยการลงสมัครเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งเมื่อปี พ.ศ. 2550 แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ จนมาในปี พ.ศ. 2553 ที่ความสามารถของสกัลซีเปล่งประกาย และเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาทุกคน ตำแหน่งนี้จึงตกเป็นของเขาในที่สุด ด้วยวาระการดำรงตำแหน่ง 3 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553-2556 หลังจากนั้นเขาไม่ลงสมัครในตำแหน่งนี้อีก เหตุเพราะเปิดโอกาสให้น้องๆ รุ่นใหม่ได้ขึ้นมาแสดงศักยภาพของตัวเองบ้าง

          สัญญา 10 ปีของสกัลซี
          ปี พ.ศ. 2558 สกัลซีทำสัญญากับสำนักพิมพ์ Tor Book ในการตีพิมพ์นิยายของเขาจำนวน 13 เรื่อง ในระยะเวลา 10 ปี แม้ว่าสำนักพิมพ์นี้จะโดดเด่นเรื่องนิยายวิทยาศาสตร์และแฟนตาซีก็ตาม แต่ดูจากสภาพการณ์สื่อสิ่งพิมพ์ในตอนนี้ ที่นับวันจะอ่อนระโหยโรยแรงลงไป นักอ่านหลายคนกังวลว่า สกัลซีเลือกผูกมัดกับที่ใดที่หนึ่งมากเกินไป แต่เขาเองกลับมองว่า ธุรกิจนี้ยังคงมีหวัง ตราบที่ทุกคนยังคงสร้างสรรค์เรื่องราวอันน่าตื่นเต้นและดึงดูดใจผู้อ่านอยู่ ซึ่งนี่เป็นโอกาสทองที่จะทำให้นักอ่านทุกคนหันมาสนใจและเห็นผลงานหนังสือมากขึ้น
          สกัลซียังทิ้งท้ายอีกว่า การเติบโตของภาพยนตร์ ซีรีส์โทรทัศน์ และวิดีโอเกมในระยะยาว ต่างต้องการพึ่งเรื่องราวไซ-ไฟแทบทั้งนั้น ดังนั้นเขาเชื่อว่า อีก 20 ปีและในอนาคตข้างหน้า งานแนววิทยาศาสตร์และแฟนตาซี จะยังอยู่คู่กับผู้อ่านต่อไปเรื่อยๆ ได้อีกยาวนานแน่นอน

          ไทม์ไลน์ชีวิตและมุมความคิดของเขาดีจนอยากหา LOCK IN มาอ่านแทบจะในทันทีทันใด อีกทั้งเราเองก็เชื่อเช่นเดียวกับสกัลซีว่า คุณภาพของเนื้อหา จะเป็นตัวชี้วัดความอยู่รอดของสื่อสิ่งพิมพ์ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป
          ขอให้กำลังใจให้กับผู้สร้างสรรค์และผลิตหนังสือดีๆ ทุกคน
          สามารถเป็นเจ้าของ LOCK IN ได้แล้ววันนี้ที่ store.mbookstore.com