7 วิธี กลวิธี กลเม็ด การอ่าน กำหนดเป้าหมาย คนยุ่ง ความวุ่นวาย ตั้งชาเล้นจ์ในชีวิต ทริค ฝึกอ่านเร็ว ยืมหนังสือห้องสมุด วรรณกรรม วัยรุ่น ออกจากสื่อโซเชียลมีเดียที่คุ้นเคย อ่านหนังสือ อ่านหลังกินข้าวเที่ยง เข้าร่วมกลุ่มที่อ่านหนังสือเล่มเดียวกัน เคล็ดลับ ไลฟ์สไตล์

7 วิธีที่จะทำให้คนยุ่งหันมาอ่านหนังสือมากขึ้น

Home / Book Tips / 7 วิธีที่จะทำให้คนยุ่งหันมาอ่านหนังสือมากขึ้น

          รู้ทั้งรู้ว่า การอ่านเป็นกิจกรรมที่ผ่อนคลาย แต่หลายคนก็สละเวลามาอ่านหนังสือที่มีอยู่ไม่ได้ เพราะยุ่งบ้างล่ะ ติดธุระบ้างล่ะ มีเรื่องอย่างอื่นที่สำคัญกว่าต้องทำบ้างล่ะ จนหนังสือกองเป็นพะเรอเกวียน แล้วพวกเขาที่มีความยุ่งเป็นทุนเดิมเหล่านี้ก็เริ่มปวดหัวกับหนังสือที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น ไม่ต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว เพราะเรามีวิธีการจัดการ 7 ประการที่จะทำให้คนยุ่งทั้งหลายอ่านและเคลียร์หนังสือที่มีอยู่ให้หายวับไปตา มาดูกันว่ามีวิธีอย่างไรบ้าง

          1. ยืมหนังสือให้มากกว่าที่คุณสามารถอ่านได้
          หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบยืมหนังสือจากห้องสมุดแล้วล่ะก็ วิธีนี้จะทำให้ความยุ่งของคุณถูกจัดการแทบจะในทันทีทันใด เพราะการมีกำหนดเวลาในการยืมและคืน จะเป็นตัวเร่งให้อ่านหนังสือที่มีอย่างฉับไว และกายภาพหนังสือที่ซ้อนทับกันอยู่หลังจากยืมห้องสมุดมา จะยิ่งเร้าให้คุณต้องรีบจัดการโดยด่วน ก่อนที่คุณจะต้องคืนห้องสมุดในเวลาต่อไป ลองยืมหนังสือให้มากกว่าปกติดู แล้วจะรู้ว่าคุณมีศักยภาพในการอ่านที่ซ้อนเร้นอยู่ในตัวมากทีเดียวเลยล่ะ
          2. กำหนดเป้าหมายการอ่านให้ชัดเจน
          ถ้าเกิดไม่มีนิสัยที่ชอบอ่านอะไรยาวๆ หรือข้อความใหญ่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แนะนำให้การอ่านแต่ละครั้งกำหนดเป้าหมายอย่างชัดเจน เช่น ท้าทายตัวเองให้อ่านได้เกิน 60 หน้าในเช้านี้ ก่อนที่คุณจะเปลี่ยนเป้าหมายไปยังงานหรือธุระของคุณต่อ การตั้งค่าหน้าที่อ่านทุกๆ วันนั้น จะยิ่งเพิ่มจำนวนหนังสือที่อ่านได้มากขึ้น และมองเห็นตัวเองเปลี่ยนไปจากการตั้งเป้าหมายวันละนิด วันละหน่อย นี่เอง
          3. ฝึกอ่านเร็ว
          เข้าใจว่าหลายคนอาจยุ่งมาก จนมีเวลาว่างน้อยแบบน่าใจหาย อยากอ่านไหม อยาก แต่ขออ่านเป็นข้อมูลสั้นๆ ในเวลาที่รวดเร็วแล้วกัน ดังนั้นวิธีการอ่านเร็วช่วยได้ ฝึกโดยการอ่านแบบจัดกลุ่มคำ แทนการอ่านแบบคำต่อคำ บังคับให้ตาเคลื่อนย้ายประโยคด้วยไม้บรรทัดหรือปากกาแทน หลังจากเสร็จสิ้นการอ่านหน้านั้นแล้ว ให้ทบทวนดูว่า คุณจำกลุ่มคำหรือประโยคอะไรที่เป็นใจความสำคัญในหน้านั้นได้บ้าง หากจำได้เกินครึ่ง การฝึกอ่านเร็วถือว่าประสบความสำเร็จ

          4. อ่านหลังกินข้าวเที่ยง
          เขาว่ากันว่า ได้รับสารอาหารเข้าไป พลังงานก็มา เห็นท่าจะจริง เพราะได้รับการพิสูจน์แล้วว่า หลังจากรับประทานอาหารในช่วงกลางวัน จะมีช่วงเวลานิดหน่อยพอให้คุณจัดการสิ่งต่างๆ หลายคนหมดเวลาไปกับการพูดคุย เดินเล่น หรือทำอะไรก็ตามแต่ ลองเปลี่ยนมาเป็นอ่านหนังสือสักเล่ม ช่วงบ่ายแบบนี้ประสิทธิผลในการอ่านสามารถทำความเร็วได้ถึง 2-3 ตอนต่อเล่มแบบสบายๆ
          5. เข้าร่วมกลุ่มที่อ่านหนังสือเล่มเดียวกัน
          ค้นหาคนในชุมชนหรือคนในสังคมออนไลน์ที่อ่านหนังสือเล่มเดียวกัน เพราะการติดตามความคิดจากการอ่านของคนหลายๆ คน จะช่วยให้อ่านหนังสือเล่มนี้อย่างไม่โดดเดี่ยวต่อไปได้ เพราะคุณคงไม่อยากเป็นคนที่คุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่อง เพราะเขาอ่านล้ำหน้าไปหลายช่วงตัวแล้ว
          6. ออกจากสื่อโซเชียลมีเดียที่คุ้นเคย
          รู้ว่าคุณอาจจะกรีดร้อง เพราะเป็นวิธีการที่ดูหักหาญน้ำใจคนธุระยุ่งอย่างคุณไปสักหน่อย แต่นั่นไม่ได้หมายถึงให้หยุดเล่นไปเลย แต่เป็นการเลือกและกรองข่าวสารที่จะอ่าน ไม่จำเป็นต้องอ่านทุกสิ่ง ไม่ต้องติดตามทุกความเคลื่อนไหว แล้วโยกการอ่านในโลกโซเชียลเหล่านั้นมาเป็นหนังสือแทน คุณจะพบว่า เวลาในการอ่านหนังสือมีอย่างเหลือเฟือ จนคุณต้องอ่านบทต่อบทแบบติดหนึบแน่นอน

          7. ตั้งชาเล้นจ์ในชีวิต
          เหมือนกับการตั้งปณิธานในปีนี้ที่คุณจะทำอะไรบ้าง การที่ยุ่งจนไม่มีเวลาอ่านหนังสือ เป็นเพราะไม่มีโฟกัสการอ่านที่ชัดเจนและแน่นอน การมีชาเล้นจ์เป็นอีกวิธีหนึ่ง ที่จะกระตุ้นให้ตัวเองบรรลุโฟกัสที่ตั้งไว้ เช่น ใน 1 ปีต้องอ่านหนังสือให้ได้ 60 เล่ม ความท้าทายแบบเฉพาะเจาะจงดังกล่าว จะทำให้ตัวเองรับผิดชอบในสิ่งที่กำหนดมากขึ้น ซึ่งความตั้งใจอันแน่วแน่นี้ หลายต่อหลายคนทำยอดอ่านเกินที่ตัวเองตั้งไว้ไปมากทีเดียว

          ความวุ่นวายจะถูกสยบด้วยการวางแผนและการจัดการที่ดี หากคุณยุ่งจนไม่มีเวลาแม้กระทั่งการอ่านหนังสือ ให้ 7 วิธีนี้เป็นเพื่อนคุณ รับรองได้ว่า คุณจะกำราบความยุ่งของตัวเองได้อย่างอยู่หมัด และอ่านหนังสือได้มากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะ

          ที่มา : lifehack