Constable & Robinson Creme de la Creme Harry Potter JK Rowling Robert Gallbraith The Cuckoo's Calling การเขียน ข่าวสาร นักเขียน นามปากกา นามแฝง ปฏิเสธต้นฉบับ วัยรุ่น สำนักพิมพ์ หนังสือ เจ.เค.โรว์ลิ่ง แรงบันดาลใจ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ไลฟ์สไตล์

‘คลาสสอนเขียนอาจช่วยได้’ เมื่อ เจ.เค.โรว์ลิ่ง ถูกสำนักพิมพ์ปฏิเสธต้นฉบับ ภายใต้นามปากกาใหม่ Robert Gallbraith

Home / Book News / ‘คลาสสอนเขียนอาจช่วยได้’ เมื่อ เจ.เค.โรว์ลิ่ง ถูกสำนักพิมพ์ปฏิเสธต้นฉบับ ภายใต้นามปากกาใหม่ Robert Gallbraith

          เจ.เค.โรว์ลิ่ง ได้เผยแพร่จดหมายปฏิเสธต้นฉบับจากสำนักพิมพ์หลากหลายที่ โดยผู้บริหารแต่ละสำนักพิมพ์แนะนำให้เธอไปลงคอร์สการเขียนแบบจริงจัง และเข้าร้านหนังสือบ้าง เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อการเขียนงานของเธอครั้งต่อไป
          ต้นฉบับเจ้าปัญหาที่ถูกปฏิเสธนั้นมีชื่อว่า The Cuckoo’s Calling ภายใต้นามปากกา Robert Galbraith ซึ่งคำตอบที่ได้จากสำนักพิมพ์ ดูจะไม่ค่อยโสภาสักเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นจากสำนักพิมพ์ Constable & Robinson หรือสำนักพิมพ์ Creme de la Creme เองก็ตาม

          สิ่งที่โรว์ลิ่งทำคือ ใช้นามปากกาอื่นเขียนผลงานเล่มใหม่ส่งไป โดยเธอบอกว่า ที่โพสต์จดหมายปฏิเสธลงในทวิตเตอร์ของตัวเองนั้น เป็นเพราะมีนักเขียนหน้าใหม่หลายคนถามเข้ามาว่า เมื่อสำนักพิมพ์ปฏิเสธต้นฉบับ จะรับมืออย่างไร อีกทั้งต้องการสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักเขียนคนอื่นๆ ด้วย เพราะการส่งผลงานในครั้งนี้ เธอเองก็ไม่ได้คาดหวังว่า The Cuckoo’s Calling จะต้องดังเปรี้ยงปร้าง เหมือนชุด แฮร์รี่ พอตเตอร์ นวนิยายพ่อมดน้อยระดับตำนานที่สร้างชื่อให้กับเธอ

          จดหมายฉบับแรกที่เธอโพสต์ เป็นการบอกปฏิเสธจากสำนักพิมพ์ Constable & Robinson เนื้อหาภายในบอกเล่าว่า หากตีพิมพ์เล่มนี้ออกไป บริษัทจะเกิดความเสียหายในเชิงธุรกิจได้ การติดต่อกันทางจดหมายในครั้งนี้ จึงน่าจะเป็นการให้คำแนะนำการเขียนทีละขั้นตอนมากกว่า เพื่อให้ผู้เขียนบรรลุถึงความสำเร็จในอนาคต ด้วยการกลับไปศึกษาคู่มือการเขียนตามนิตยสารต่างๆ ให้มากขึ้น และแนะนำว่า ไม่ควรสปอยตอนจบในสรุปเรื่องย่อที่ส่งมาด้วย
          นอกจากนี้ยังให้ผู้เขียนตรวจสอบเนื้อเรื่องว่า เป็นหนังสือประเภทใดกันแน่ เพื่อหาแนวทางการเขียนของหนังสือประเภทนั้นๆ ได้อย่างถูกต้อง และที่สำคัญยังแสดงความเสียใจที่ตอบกลับหรือให้คำวิจารณ์อย่างละเอียดไม่ได้ แต่วงเล็บไว้ในจดหมายถึงกลุ่มนักเขียนและการเขียนต่างๆ ที่อาจช่วยในเรื่องการเขียนของเธอได้

          ส่วนจดหมายอีกฉบับ มาจากสำนักพิมพ์อาชญนิยายเลื่องชื่ออย่าง Creme de la Crime ซึ่งได้ตอบปฏิเสธเพียงสั้นๆ ว่า สำนักพิมพ์ยังไม่มีนโยบายรับและพิจารณาต้นฉบับใหม่ในขณะนี้ แต่หารู้ไม่ว่า สำนักพิมพ์ทั้ง 2 แห่งคงจะตีอกชกหัวตัวเองเป็นการใหญ่ เพราะกลายเป็นว่า นิยายนักสืบหลังสงครามเรื่อง The Cuckoo’s Calling ติดอันดับหนังสือขายดีในอเมซอน พร้อมกับคำวิจารณ์ที่ท่วมท้น และมีแผนที่จะนำไปสร้างเป็นซีรีส์อีกด้วย
          อย่างไรก็ตาม ช่วงก่อนหน้านี้ The Cuckoo’s Calling ไม่ได้เป็นที่นิยมสำหรับนักอ่านมากนัก ทำยอดขายได้แค่เพียง 1,500 เล่ม และติดอันดับที่ 4,709 ในเว็บอเมซอน หลังจากที่วางขายในเดือนกรกฎาคมปี 2013
          หลังจากที่โรว์ลิ่งถูกเปิดเผยตัวตนในฐานะนักเขียนนิยาย The Cuckoo’s Calling ด้วยฝีมือการโพสต์ทวิตเตอร์ของ Jude Callegari นักกฎหมายในสังกัดบริษัทของเธอเอง ยอดขาย The Cuckoo’s Calling กลับพุ่งสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ และคนที่ติดตามผลงานของโรว์ลิ่งก็ตกใจไม่น้อยเมื่อได้รู้ข่าวนี้

          โรว์ลิ่งยังทวิตข้อความอีกว่า “เผยแพร่จดหมายปฏิเสธนี้ตามคำเรียกร้อง เพื่อเป็นแรงบันดาลใจไม่ใช่การแก้แค้นแต่อย่างใด” พร้อมเบลอชื่อเจ้าหน้าที่ที่ตอบปฏิเสธ

          ถึงแม้ว่าแฟนๆ จะต่อว่าต่อขานสำนักพิมพ์เหล่านี้
          แต่นั่นก็ถือเป็นความสำเร็จของ เจ.เค.โรว์ลิ่ง ในการเปิดพื้นที่ใหม่ๆ ในการเขียนของเธอเอง

          ที่มา : dailymail
          ภาพ : dailymail , amazon